ใบขับขี่ใกล้หมดอายุ หรือกำลังวางแผนจะทำใบขับขี่ออนไลน์ครั้งแรก หลายคนอาจสงสัยว่าในปัจจุบันนี้ สามารถดำเนินการเรื่องใบขับขี่ผ่านช่องทางออนไลน์ได้มากน้อยแค่ไหน มีเรื่องอะไรที่สามารถทำผ่านออนไลน์ได้บ้าง แล้วเรื่องใดที่ต้องไปดำเนินการที่สำนักงานกรมการขนส่งทางบก Pocket มาไขข้อสงสัยให้ชัดเจน พร้อมแนะนำขั้นตอนอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ แบบละเอียด รวมถึงข้อควรระวังสำคัญที่ต้องรู้
ต่อใบขับขี่รถยนต์ล่วงหน้าได้กี่เดือน
สำหรับใบขับขี่ส่วนบุคคล สามารถต่ออายุใบขับขี่ล่วงหน้าได้ 6 เดือน หรือ 180 วัน ก่อนใบขับขี่หมดอายุ โดยสามารถดำเนินการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ และนำหลักฐานการอบรมไปยื่นที่สำนักงานขนส่งทางบก เช่น หากใบขับขี่มีวันหมดอายุวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ผู้ขับขี่สามารถดำเนินการต่อใบขับขี่รถยนต์ล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป
ต่อใบขับขี่ออนไลน์ทำอะไรได้บ้าง?
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การต่อใบอนุญาตขับขี่ออนไลน์ในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก คือ จองคิวออนไลน์ และอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ ซึ่งมีข้อจำกัดแตกต่างกันตามประเภทของการดำเนินการ
1. การจองคิวออนไลน์ผ่าน DLT Smart Queue
ทุกคนสามารถจองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือบนเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th/ ซึ่งเป็นช่องทางอย่างเป็นทางการที่กรมขนส่งได้พัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็น
-
การจองคิวออนไลน์เพื่อทำใบขับขี่ครั้งแรก
สามารถจองคิวออนไลน์เพื่อทำใบขับขี่ครั้งแรกหรือใบขับขี่ชั่วคราวได้ หลังผ่านการฝึกอบรมจากโรงเรียนสอนขับรถ เพื่อนำใบรับรองการอบรมใบขับขี่ไปยื่นกับเจ้าหน้าที่ และดำเนินการทำใบขับขี่
-
การต่ออายุใบขับขี่ทุกประเภท
สามารถตรวจสอบและจองคิวเพื่อต่อใบขับขี่ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการต่อใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล (ประเภท บ.) ต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ออนไลน์ หรือต่อใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ (ประเภท ท.)
-
การเปลี่ยนชนิดใบขับขี่
นอกจากการต่อใบขับขี่ยังสามารถจองคิวเพื่อดำเนินการเปลี่ยนชนิดใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่งได้อีกด้วย เช่น การเปลี่ยนใบขับขี่ บ.2 เป็น ท.3 ซึ่งอาจต้องอบรมออนไลน์ตามหลักสูตรที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย
2. การอบรมออนไลน์ผ่าน DLT e-Learning
อีกหนึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องกับการต่อใบขับขี่ออนไลน์ที่สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเอง คือ การอบรมในหลักสูตรต่างๆ โดยปัจจุบัน กรมขนส่งทางบกได้เปิดหลักสูตรอบรมออนไลน์ ดังนี้
หลักสูตรอบรมหลัก
- อบรมต่ออายุใบอนุญาต - สำหรับต่อใบอนุญาตขับขี่รถส่วนบุคคล รถขนส่ง และรถสาธารณะ
- อบรมขอรับใบอนุญาตขับรถสาธารณะ - เรียกอีกอย่างว่า “บัตรประจำตัวคนขับรถ” สำหรับผู้ที่ทำเป็นใบแรก
หลักสูตรอบรมเสริม
- หลักสูตรความปลอดภัยในการขนส่ง - สำหรับผู้ที่เป็นพนักงานขับรถขนส่งสิ่งของหรือสินค้าต่างๆ ซึ่งเป็นหลักสูตรเสริมทักษะและความรู้ ไม่สามารถใช้ในการต่ออายุใบขับขี่ได้
- หลักสูตรการคาดการณ์อุบัติเหตุ - การอบรมเสริมความรู้ในการคาดเดาสถานการณ์ต่างๆ บนท้องถนนที่อาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นหลักสูตรเสริมทักษะและไม่สามารถใช้ในการต่ออายุใบขับขี่ได้
- หลักสูตรการขับรถขนาดใหญ่บนเส้นทางลาดชัน - การอบรมเสริมความรู้ในการขับขี่บนทางลาดชัน เช่น เส้นทางขึ้น-ลงภูเขา หรือสะพานสูง ซึ่งเป็นหลักสูตรเสริมทักษะและไม่สามารถใช้ในการต่ออายุใบขับขี่ได้
แนะนำ ขั้นตอนต่อใบอนุญาตขับขี่ออนไลน์แบบละเอียด
มาดูกันว่าขั้นตอนการทำใบขับขี่ออนไลน์นั้นมีอะไรบ้าง ซึ่ง Pocket ได้รวบรวมและสรุปข้อสำคัญในแต่ละขั้นตอนมาไว้ให้แล้ว
ขั้นตอนที่ 1: ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ
- เข้าสู่เว็บไซต์ gecc.dlt.go.th หรือเปิดแอป DLT Smart Queue
- เลือก “เข้าสู่ระบบด้วย ThaID” ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนทางดิจิทัล เมื่อเข้าใช้บริการทางภาครัฐอย่างการต่อใบขับขี่ออนไลน์
ขั้นตอนที่ 2: เลือกสำนักงานและประเภทบริการ
- ในหน้าแรก ให้เลือกสำนักงานขนส่งในสาขาที่ต้องการหรือสาขาที่สะดวกที่สุด
- ต่อมาในเมนู “เลือกประเภทบริการ” ให้เลือก “งานใบอนุญาต”
- ในเมนู “เลือกประเภทใบอนุญาตขับรถ” ให้เลือก “ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล”
- ในเมนู “เลือกประเภทเข้ารับบริการ” ให้เลือก “ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ”
- เมื่อต้องเลือกประเภทยานพาหนะ สามารถเลือกได้ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือทั้งสองอย่างพร้อมกัน
ขั้นตอนที่ 3: กรอกข้อมูลใบขับขี่
- กรอกข้อมูลวันหมดอายุใบขับขี่ให้ครบถ้วน ทั้งวัน-เดือน-ปี
- ในกรณีที่ใบขับขี่หาย หรือไม่ทราบวันหมดอายุ สามารถติ๊กถูกได้ที่ช่อง “ใบอนุญาตขับรถสูญหาย / ไม่ทราบวันหมดอายุ / ใช้หนังสือรับรองการอบรม”
- เลือกประเภทงานการต่ออายุที่เหมาะสม เช่น
- ใบอนุญาตส่วนบุคคล: การขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ จาก 5 ปี เป็น 5 ปี สิ้นอายุไม่เกิน 1 ปี
- ใบอนุญาตส่วนบุคคล: การขอเปลี่ยนชนิดใบอนุญาตขับรถ จาก 2 ปี เป็น 5 ปี สิ้นอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป
ขั้นตอนที่ 4: เลือกวันและเวลา
- ระบบจะแสดงปฏิทินแจ้งวันที่มีคิวว่างสำหรับต่อใบขับขี่ โดยจะเลือกได้เฉพาะวันที่เป็นตัวหนังสือสีเขียว ซึ่งเป็น “วันจำนวนคิวว่างในการใช้บริการ” หากไม่มี ให้ยกเลิกและจองคิวต่อใบขับขี่ใหม่อีกครั้งตามขั้นตอนข้างต้น โดยระบบจะมีการรีเซตคิวว่างในทุกๆ วัน
- ยืนยันการจอง เพื่อรับ QR Code ข้อมูลวัน-เวลานัด และรายละเอียดเอกสารต่างๆ ที่ต้องเตรียม
ขั้นตอนที่ 5: บันทึกข้อมูลการจองและต่อใบขับขี่
- สามารถดูข้อมูลการจองพร้อม QR Code ได้ที่หน้าเมนู “คิวของฉัน”
- สามารถเดินทางไปยังสำนักงานขนส่ง ณ สาขาที่จองคิวไว้ในวันเวลาที่นัด
- แสดงหน้าคิวและ QR Code ต่อเจ้าหน้าที่ได้ทันทีเมื่อต่อใบขับขี่ หรือแคปหน้าจอไว้เพื่อความสะดวก
ขั้นตอนที่ 6: เดินทางไปสำนักงานขนส่ง
- สามารถเดินทางไปยังสาขาสำนักงานขนส่งทางบกในวันและเวลาที่จองคิวไว้ผ่าน DLT Smart Queue โดยแนะนำให้ไปถึงก่อนเวลานัด 10-30 นาที หรือ Walk-In เข้ารับบริการระหว่าง 8:00-15:30 น. (จันทร์-ศุกร์)
- ยื่นเอกสารให้แก่เจ้าหน้าที่ ได้แก่ บัตรประชาชนตัวจริง ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ฉบับเดิม และใบรับรองแพทย์ พร้อมแสดงหลักฐานการจองคิวและหลักฐานการผ่านการอบรมออนไลน์
ขั้นตอนที่ 7: ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
- เจ้าหน้าที่จะดำเนินการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 การทดสอบหลัก คือ
- ทดสอบการมองเห็นสี (เขียว เหลือง แดง)
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฏิกิริยาการเหยียบเบรก
- โดยจำเป็นต้องผ่านการทดสอบทั้งหมดจึงจะสามารถดำเนินการออกใบขับขี่ได้
ขั้นตอนที่ 8: ชำระค่าธรรมเนียมและถ่ายรูปทำใบขับขี่ใหม่
- หลังผ่านการทดสอบทั้งหมด สามารถต่อคิวเพื่อทำใบขับขี่ใหม่ โดยต้องชำระค่าธรรมเนียมดังนี้
- ใบขับขี่รถยนต์ - 505 บาท (ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขับรถยนต์ 500 บาท และค่าคำขอ 5 บาท)
- ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ - 255 บาท (ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ 250 บาท และค่าคำขอ 5 บาท)
- จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเรียกคิวเพื่อถ่ายรูปประกอบใบขับขี่ และสามารถรอรับใบขับขี่รถยนต์ใบใหม่ได้ทันที
เงื่อนไขการต่อใบขับขี่ตามระยะเวลาหมดอายุ
สำหรับผู้ที่พบว่าใบขับขี่ของตัวเองนั้นหมดอายุ ยังสามารถดำเนินการต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้ ทั้งนี้เงื่อนไขจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาหลังบัตรหมดอายุ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่
1. ใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี
- ใบขับขี่ชั่วคราว (2 ปี เป็น 5 ปี) - ในกรณีนี้ไม่ต้องอบรม สามารถดำเนินการต่อใบขับขี่รถยนต์ได้ตามปกติ
- ใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี - จำเป็นต้องอบรมออนไลน์ผ่าน DLT e-Learning หรืออบรมที่สำนักงานขนส่ง เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นสามารถต่อใบขับขี่ได้ตามปกติ
2. ใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี
- ใบขับขี่ชั่วคราว (2 ปี เป็น 5 ปี) - จำเป็นต้องเข้ารับการอบรมใหม่ที่สำนักงานขนส่ง เป็นเวลา 5 ชั่วโมง ไม่สามารถอบรมออนไลน์ได้ พร้อมสอบข้อเขียนใหม่ผ่านระบบ e-Exam
- ใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี - เข้ารับการอบรมใหม่ที่สำนักงานขนส่งหรืออบรมออนไลน์ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง และสอบข้อเขียนใหม่ผ่านระบบ e-Exam
3. ใบขับขี่หมดอายุเกิน 3 ปี
- ใบขับขี่ชั่วคราว (2 ปี เป็น 5 ปี) - เข้ารับการอบรมใหม่ที่สำนักงานขนส่งเป็นเวลา 5 ชั่วโมง ไม่สามารถอบรมออนไลน์ได้ พร้อมสอบข้อเขียนใหม่ผ่านระบบ e-Exam และสอบปฏิบัติอีกครั้ง
- ใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี - ต้องเข้ารับการอบรมใหม่ที่สำนักงานขนส่งหรืออบรมออนไลน์ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง สอบข้อเขียนใหม่ผ่านระบบ e-Exam และสอบปฏิบัติใหม่
ข้อควรระวัง! มิจฉาชีพหลอกทำใบขับขี่ออนไลน์
ผู้ขับขี่ควรระมัดระวังมิจฉาชีพที่อ้างว่าสามารถทำใบขับขี่ออนไลน์ได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องไปสำนักงานขนส่ง โดยพฤติกรรมที่ควรสังเกต ได้แก่
- ขอข้อมูลส่วนตัวผ่านช่องทางไม่ปลอดภัย (เช่น ข้อความไลน์ หรือ พูดคุยผ่านมือถือ)
- เรียกเก็บเงินล่วงหน้าจำนวนมาก โดยอ้างว่าเป็นค่ามัดจำในการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์
- อ้างว่าทำใบขับขี่ได้โดยไม่ต้องทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
จำไว้ว่าแม้กรมขนส่งจะเปิดให้มีการอบรมออนไลน์ แต่การทำใบขับขี่ต้องไปดำเนินการที่สำนักงานขนส่งทางบกเท่านั้น
ช่องทางการต่อใบขับขี่ออนไลน์ผ่าน DLT Smart Queue และอบรมออนไลน์ผ่าน DLT e-Learning เป็นบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ในปัจจุบัน แม้จะยังไม่สามารถดำเนินการได้ทั้งหมดผ่านระบบออนไลน์ แต่การจองคิวและการอบรมออนไลน์ก็ช่วยประหยัดเวลาและลดความแออัดที่กรมขนส่งได้อย่างมาก สิ่งสำคัญคือต้องวางแผนล่วงหน้า เตรียมเอกสารให้พร้อม และระวังมิจฉาชีพที่หลอกลวง เพราะการต่อใบขับขี่ถือเป็นหนึ่งพื้นฐานสำคัญของการปฏิบัติตามกฎหมาย
นอกจากการต่อใบขับขี่ อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่ต้องดำเนินการเป็นประจำทุกปีคือการต่อประกันรถยนต์ เพื่อสร้างหลักประกันและความอุ่นใจหากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ซึ่งปัจจุบันมีช่องทางการทำประกันรถยนต์ออนไลน์ที่สะดวกรวดเร็วให้เลือกมากมาย
Pocket by LMG ขอนำเสนอแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ในราคาดี คุ้มค่า ซื้อง่ายและรวดเร็ว ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และประกันรถยนต์ชั้น 3+ เรายินดีให้คำปรึกษาและแนะนำแผนประกันที่เหมาะสม เพื่อให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปอย่างอุ่นใจ สามารถดูแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ พร้อมเปรียบเทียบประกันรถยนต์ และเช็คเบี้ยได้ง่ายๆ ที่ www.pocketbylmg.com หรือโทร. 02-302-7788 เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับแผนประกันที่ตอบโจทย์ในราคาที่คุ้มค่า