บอกต่อการดูแลรถยนต์หน้าฝน ลดเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในหน้าฝน

เมื่อฤดูฝนมาเยือน หลายคนคิดว่าการดูแลรถยนต์หน้าฝนอาจไม่จำเป็น เพราะยังไงรถก็จะอาจเปียกน้ำหรือสกปรกอีกอยู่ดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว การดูแลรถในช่วงฝนตกนี้มีความสำคัญมากกว่าที่คิด เพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงส่งผลต่อสมรรถนะและความปลอดภัยของรถยนต์โดยตรง วันนี้เราจะมาเปิดเผยเคล็ดลับการบำรุงรักษารถยนต์ช่วงฝนตกที่จะช่วยให้รถของคุณพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์

บอกต่อการดูแลรถยนต์หน้าฝน ลดเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในหน้าฝน

ทำไมการดูแลรถยนต์หน้าฝนถึงสำคัญ

ฤดูฝนไม่ได้เป็นแค่ช่วงเวลาที่ทำให้รถสกปรกง่าย แต่ยังมีผลกระทบหลายด้านที่หลายคนอาจมองข้าม สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอาจทำให้เกิดปัญหารถยนต์ในหน้าฝนหลายประการ ทั้งพื้นผิวสีรถที่อาจถูกกัดกร่อนจากน้ำฝนที่เป็นกรด ความชื้นสะสมที่ทำให้เกิดเชื้อราตามจุดอับที่มองไม่เห็น และการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ต่างๆ

น้ำฝนในปัจจุบันมักปนเปื้อนกับมลภาวะและสารเคมีต่างๆ ส่งผลให้มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างสูง หากปล่อยให้คราบน้ำฝนแห้งค้างบนตัวรถ จะกัดกร่อนสีรถและโลหะ ทำให้เกิดรอยด่างและสนิมขึ้นได้ นอกจากนี้ ความชื้นสูงยังเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของระบบไฟฟ้าและชิ้นส่วนยางต่างๆ

ปัญหารถยนต์ในหน้าฝนที่พบบ่อย

1. ปัญหาทัศนวิสัยและการมองเห็น

ในขณะฝนตกหนักทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลงอย่างมาก จากเดิมที่มองเห็นได้ไกลกว่า 100 เมตร อาจเหลือเพียงไม่กี่สิบเมตร อีกทั้งหากใบปัดน้ำฝนไม่สมบูรณ์หรือน้ำยาฉีดกระจกที่ไม่เพียงพอ อาจทำให้สถานการณ์แย่ลงอีกด้วย

2. ถนนลื่นและการยึดเกาะลดลง

เมื่อฝนตก น้ำฝนจะผสมกับน้ำมันและสิ่งสกปรกบนผิวถนน กลายเป็นชั้นฟิล์มลื่นๆ ที่ทำให้ยางรถสูญเสียการยึดเกาะกับพื้นถนน ส่งผลให้ระยะเบรกเพิ่มขึ้นและมีความเสี่ยงต่อการลื่นไถล โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ขับขี่ด้วยความเร็ว หรือจักรยานยนต์

3. น้ำท่วมขังและแอ่งน้ำ

แอ่งน้ำที่มองไม่เห็นความลึกเป็นอันตรายต่อรถยนต์ เพราะอาจส่งผลให้ล้อตกหลุมหรือรถยนต์กระแทก ส่งผลให้โช้คอัพและระบบกันสะเทือนเกิดความเสียหาย หรือเสื่อมสภาพ

4. ระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่

ระบบไฟฟ้ารถยนต์หน้าฝนมักได้รับผลกระทบจากความชื้นสูง ทำให้สายไฟชำรุดง่าย แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าที่ควร และระบบไฟต่างๆ ทำงานผิดปกติ

แนะนำการบำรุงรักษารถยนต์ช่วงฝนตก

1. ตรวจสอบใบปัดน้ำฝน

ใบปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์สำคัญที่สุดในหน้าฝน ควรตรวจสอบยางใบปัดว่าแข็งตัวหรือมีรอยแตกหรือไม่ ความสะอาดของใบปัด รวมถึงการทำงานของมอเตอร์ปัดน้ำฝนว่าปกติอยู่หรือไม่ และควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนเมื่อเสื่อมสภาพ หรือทุกๆ 1 ปี

2. เติมและตรวจสอบน้ำยาฉีดกระจก

น้ำยาฉีดกระจกช่วยทำความสะอาดคราบสิ่งสกปรกบนกระจก โดยควรเติมน้ำยาให้เต็มถัง ตรวจสอบหัวฉีดไม่อุดตัน และเลือกใช้น้ำยาที่มีคุณภาพเพื่อลดการเกิดคราบน้ำ

3. ตรวจเช็คระบบเบรก

ระบบเบรกควรอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เพราะขณะฝนตกนั้นถนนลื่น ส่งผลให้ระยะเบรกเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นควรทดสอบการทำงานของเบรกก่อนออกเดินทางทุกครั้ง รวมถึงเช็คผ้าเบรกว่าสึกหรอหรือไม่ และหากเหยียบเบรกแล้วจมลึกผิดปกติ แนะนำให้รีบตรวจสอบ หรือนำรถเข้าอู่ซ่อมโดยเร็วที่สุด

4. ดูแลยางและลมยาง

ยางรถเป็นจุดสัมผัสเดียวระหว่างรถกับถนนจึงควรดูแลอย่างเหมาะสมเมื่อถึงช่วงหน้าฝน โดยเติมลมยางตามค่าที่กำหนดในคู่มือ ตรวจสอบดอกยางว่ามีเหลือลึกพอสำหรับการรีดน้ำ เช็คสภาพยางว่าไม่มีรอยแตกหรือบวม นอกจากนี้ ควรตั้งศูนย์ล้อ เพื่อให้สามารถขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. ตรวจสอบระบบไฟส่องสว่างรอบคัน

ระบบไฟส่องสว่างเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในหน้าฝน โดยเฉพาะเมื่อฝนตกหนักหรือพายุเข้า เนื่องจากฝนจะทำให้ทัศนวิสัยลดลง ผู้ที่ขับขี่ตามท้องถนนจึงต้องอาศัยไฟส่องสว่างในการมองเห็น ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า-ไฟท้าย ไฟเบรกและไฟเลี้ยว และไฟฉุกเฉิน

6. ดูแลแบตเตอรี่

ความชื้นสูงทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าเดิม โดยเจ้าของรถควรตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ และคอยสังเกตถึงคราบเขียวหรือคราบขาวที่บริเวณขั้วแบตเตอรี่ หากมี ควรรีบทำความสะอาดทันที ส่วนรถคันใดที่ใช้สำหรับแบตเตอรี่แห้งหรือกึ่งแห้ง ควรเช็คระดับน้ำกลั่นว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม

นอกจาก ควรทดสอบแรงดันไฟฟ้าว่าอยู่ในระดับที่ปกติ โดยให้ลองบีบแตรรถยนต์ค้างไว้ และสังเกตุว่าความดังของแตรลดลงหรือไม่ ถ้าหากบีบแตรเบาลดเรื่อยๆ หรือบีบแล้วไม่ดัง แสดงว่ากำลังไฟจากแบตเตอรี่อาจไม่เพียงพอ

7. ตรวจสอบซีลยางตามจุดต่างๆ

ในช่วงหน้าฝน น้ำอาจไหลซึมเข้ามาตามจุดต่างๆ ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นยางขอบประตูป้องกันน้ำรั่วเข้าห้องโดยสาร ซีลยางใต้ฝากระโปรงสำหรับป้องกันน้ำเข้าเครื่องยนต์ รวมถึงยางรอบกระจกที่ป้องกันน้ำซึม จึงควรตรวจสอบจุดเหล่านี้บ่อยๆ และเปลี่ยนหรือซ่อมแซมจุดที่เสื่อม

8. ทำความสะอาดและล้างรถ

หลายคนอาจมองว่าการล้างรถหลังฝนตกเป็นสิ่งไม่จำเป็น แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ฝนกรดนั้นสามารถกัดกร่อนผิวรถยนต์ ส่งผลให้สีรถด่าง ไม่สม่ำเสมอกัน รวมถึงมีสนิมขึ้นตามจุดต่างๆ โดยควรปฏิบัติดังนี้

  • ล้างรถยนต์ด้วยน้ำสะอาดทันทีหลังโดนฝน เพื่อชำระล้างคราบฝุ่น คราบน้ำฝนที่สะสมบนพื้นผิว
  • ล้างช่วงล่างและซุ้มล้อด้วยน้ำแรงดันสูง  
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรถที่มีคุณภาพ
  • เช็ดให้แห้งทุกครั้งหลังล้างเสร็จ เพื่อป้องกันคราบน้ำ
  • ควรเคลือบสีรถทุกครั้งหลังทำความสะอาด เพื่อลดการเกาะของคราบสิ่งสกปรก และช่วยให้ล้างทำความสะอาดง่ายขึ้นในภายหลัง

9. ดูแลห้องโดยสาร

ห้องโดยสารอาจได้รับผลกระทบจากน้ำฝน ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอับชื้น หรือคราบน้ำที่กระเด็นเข้ารถในตอนเปิด-ปิดประตู ดังนั้นจึงควรทำความสะอาดภายในรถเป็นประจำ เช่น

  • ทำความสะอาดเบาะและพรม
  • อบโอโซน เพื่อลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  • ล้างแอร์ในรถยนต์เพื่อป้องกันเชื้อราสะสม ที่อาจหลุดออกมาสู่ห้องโดยสารขณะเปิดแอร์

10. หลีกเลี่ยงการจอดใต้ต้นไม้

หลายคนอาจเลือกที่จะจอดรถไว้ใต้ต้นไม้ เพื่อป้องกันไม่ให้โดนแสงแดดในช่วงกลางวัน แต่ในช่วงฤดูฝน ควรหลีกเลี่ยงการจอดรถใต้ต้นไม้อย่างเด็ดขาด เพราะอาจมีโอกาสที่ใบไม้และกิ่งไม้จะจกใส่รถยนต์ ทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนผิวรถ หรือต้นไม้บางต้นอาจมียางไม้ไหลลงมา ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด และอาจกัดกร่อนสีรถได้

เคล็ด (ไม่) ลับขับขี่ปลอดภัยในช่วงหน้าฝน

นอกจากการบำรุงรักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานแล้ว การเตรียมความพร้อมในการขับขี่ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน โดย Pocket มีข้อปฏิบัติในการขับขี่อย่างปลอดภัยในฤดูฝนมาฝาก ดังนี้

  • ลดความเร็วในการขับขี่ลง 20-30% จากปกติ และเว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้าให้มากขึ้น
  • เปิดไฟส่องสว่างเมื่อฝนตกหนัก แม้เป็นช่วงเวลากลางวัน เพื่อให้รถคันข้างหลังสามารถมองเห็นรถของตัวเองได้ และช่วยให้มองเห็นทางข้างหน้าได้ดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหันหรือเหยียบเบรกหนักๆ เพื่อป้องกันล้อล็อคและการลื่นไถล 
  • ไม่หมุนพวงมาลัยกะทันหันหากรถลื่น เพื่อป้องกันไม่ให้รถหลุดการควบคุม แต่ให้ประคองพวงมาลัย และค่อยๆ เหยียบเบรค
  • หลีกเลี่ยงถนนที่มีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะรถที่มีความสูงไม่มากนักหรือรถยนต์ไฟฟ้า EV เนื่องจากน้ำอาจเข้าสู่ห้องเครื่อง ส่งผลให้เครื่องรถยนต์ แบตเตอรี่ และชิ้นส่วนอื่นๆ เสียหายได้ หรือหากจำเป็นต้องลุยน้ำท่วม แนะนำให้ปิดแอร์ ขับรถช้าๆ และควรเหยียบเบรกย้ำๆ เบาๆ เพื่อไล่น้ำ

การดูแลรถยนต์หน้าฝนไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี การตรวจเช็คและการบำรุงรักษารถยนต์ช่วงฝนตกที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ประหยัดค่าใช้จ่าย และรักษาคุณค่าของรถยนต์ไว้ได้ นอกจากนี้เพื่อความอุ่นใจที่มากขึ้นในการเดินทางหน้าฝน ไม่ควรลืมซื้อประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เพื่อเป็นหลักประกันเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด 

หากคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมและราคาคุ้มค่า Pocket by LMG พร้อมนำเสนอแผนประกันรถยนต์ที่หลากหลาย ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, 2+ และ 3+ เรายินดีให้คำปรึกษาและแนะนำแผนประกันที่เหมาะสม เพื่อให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปอย่างอุ่นใจ สามารถดูแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ พร้อมเปรียบเทียบประกันรถยนต์ และเช็คเบี้ยได้ง่ายๆ ที่ www.pocketbylmg.com/ หรือโทร. 02-302-7788 เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับแผนประกันที่ตอบโจทย์ในราคาที่คุ้มค่า

ปรึกษาพร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพียงฝากข้อมูลของคุณด้านล่าง