รถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้เราเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย และเพื่อให้การเดินทางนั้นปลอดภัย การตรวจเช็คสภาพรถยนต์ รวมถึงการเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน และเอกสารสำคัญต่างๆ ติดรถไว้จะช่วยให้คุณสบายใจได้ตลอดเส้นทาง
การตรวจเช็คสภาพรถยนต์ก่อนออกเดินทาง
การตรวจเช็คสภาพรถยนต์เป็นสิ่งที่ควรทำทุกครั้งก่อนออกเดินทาง เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์ของเรามีสภาพที่ดีและพร้อมสำหรับการเดินทางซึ่งคุณควรตรวจเช็คสิ่งต่างๆ ดังนี้
- ยางรถยนต์ ตรวจสอบว่ายางอยู่ในสภาพดีไม่มีรอยแตกหรือรอยถลอก รวมทั้งดอกยางยังมีลายที่ชัดเจน และมีแรงดันลมยางที่เหมาะสม โดยปกติแล้วรถยนต์ที่ใช้อยู่ทั่วไปจะมีแรงดันลมยางอยู่ที่ประมาณ 30-35 psi ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละรายจะแนะนำ หากคุณไม่แน่ใจลองหาแผ่นป้ายตรงประตูรถด้านคนขับจะมีแผ่นป้ายแจ้งรายละเอียดบอกไว้อย่างชัดเจน
- น้ำมันเครื่อง ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องว่าเพียงพอหรือไม่ ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องอย่างสม่ำเสมอ ทุก 1-2 สัปดาห์หรืออย่างน้อยเดือนละครั้ง หากระดับน้ำมันเครื่องต่ำหรือสูงเกินไปอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ ระดับน้ำมันเครื่องของรถยนต์ปกติจะอยู่ระหว่างขีด F กับขีด L ของก้านวัดระดับ ซึ่งแสดงว่าน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับปกติไม่มากและไม่น้อยเกินไป คุณสามารถเช็คได้ด้วยตัวเองโดยการเปิดฝากระโปรงหน้ารถมองหาห่วงวงแหวนแล้วลองดึงขึ้นมาเบาๆ จะเป็นก้านยาวๆ บางๆ และมีคราบน้ำมันติดอยู่ นอกจากสังเกตระดับน้ำมันแล้วแนะนำให้ดูที่สีของน้ำมันเครื่องด้วยว่าดำหรือไม่ เนื่องจากมีผลต่อเครื่องยนต์เช่นกัน
- ไฟหน้าและไฟท้าย ตรวจสอบว่าไฟทั้งหมดทำงานส่องสว่างตามปกติ
- เบรก ตรวจสอบสภาพของเบรกว่ายังทำงานได้ดีหรือไม่
- น้ำแบตเตอรี่ ตรวจสอบระดับน้ำในแบตเตอรี่ว่ายังเพียงพอหรือไม่
- ที่ปัดน้ำฝน ทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างการขับขี่เป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งเข้าสู่ฤดูฝนด้วยแล้ว ควรตรวจสอบสภาพที่ปัดน้ำฝนว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ สังเกตได้จากเวลาที่ปัดน้ำฝนมีเสียงดังเวลาใช้งานไหม ยางมีสภาพเปื่อยยุ่ยหรือดูเสื่อมสภาพไหม หากมีสภาพเหล่านี้ควรเปลี่ยนใหม่ โดยปกติแล้วควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนทุก 12 เดือน
อุปกรณ์ฉุกเฉินที่ควรมีติดรถยนต์
เมื่อเราได้ตรวจสภาพรถยนต์ว่าพร้อมออกเดินทางไกลแล้ว แต่ในระหว่างทางเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดังนั้นการมีอุปกรณ์ฉุกเฉินติดไว้ในรถยนต์จะช่วยให้เรามั่นใจและพร้อมสำหรับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
- ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น อุบัติเหตุหรืออาการเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่เราสามารถเตรียมชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นไว้เพื่อบรรเทาอาการก่อนจะนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล
- ไฟฉายติดรถ อุปกรณ์ที่จำเป็นขณะเดินทางตอนกลางคืนหรือสถานที่มีแสงสว่างน้อย ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุหรือพบเจอเหตุฉุกเฉินต่างๆ ในยามค่ำคืน การใช้แสงไฟเพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือหรือแจ้งเตือนแก่ผู้ขับขี่คนอื่นที่ผ่านไปมาให้สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น
- ชุดเติมลมยางฉุกเฉินเป็นชุดพร้อมใช้เมื่อยางรถยนต์รั่ว โดยน้ำยาจะถูกเติมเข้าไปในยางพร้อมกับเติมลมในตัว ตัวน้ำยาจะทำหน้าที่ปิดรูรั่วยับยั้งไม่ให้ลมไหลออกจากยาง ทำให้สามารถขับรถไปได้อีกระยะหนึ่งเพื่อหาร้านยางและปะยางให้เรียบร้อย
- สายพ่วงแบตเตอรี่ อุปกรณ์อีกชิ้นที่พบเห็นได้ทั่วไปที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อเเบตเตอรี่จากรถยนต์คันอื่นกับรถที่เเบตเตอรี่หมด เพื่อให้รถยนต์สามารถสตาร์ทเครื่องได้และเดินทางนำรถไปซ่อมหรือเปลี่ยนแบตได้ต่อไป
- ยางอะไหล่และแม่แรง ในสภาพพื้นผิวการจราจรที่ยากจะคาดเดา ถึงแม้ว่าเราจะตรวจเช็คยางรถยนต์มาเป็นอย่างดีแล้ว เหตุการณ์ยางแบน ยางรั่ว ยางแตกจากเศษวัสดุที่ตกหล่นบนถนนอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นการพกยางอะไหล่และแม่แรงติดรถไว้ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรลืมทำก่อนออกเดินทาง
เอกสารเกี่ยวกับรถยนต์
เมื่อเตรียมรถยนต์และอุปกรณ์ฉุกเฉินพร้อมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ลำดับถัดไปคือ เอกสารที่ควรมีติดไว้เมื่อต้องขับรถยนต์เพื่อเป็นหลักฐานสำหรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
- ใบขับขี่ สิ่งที่คนขับรถทุกคนต้องมีติดตัวไว้เพื่อเป็นหลักฐานที่แสดงว่าคุณมีสิทธิขับรถยนต์
- สำเนาทะเบียนรถยนต์ เป็นเอกสารแสดงรายละเอียดของรถยนต์และผู้เป็นเจ้าของรถยนต์
- พ.ร.บ.รถยนต์ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับที่รถทุกคันต้องมี หากรถคันไหนไม่มี พ.ร.บ. จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- กรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งจำเป็นสำหรับการแจ้งเหตุแก่บริษัทประกันภัยหากเกิดอุบัติเหตุ
การเตรียมรถยนต์ให้พร้อมก่อนเดินทางไกลไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของคุณและผู้โดยสารที่เดินทางไปพร้อมกัน ดังนั้นการตรวจสอบสภาพรถยนต์ เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน ตรวจสอบเอกสารของรถยนต์ น้ำมันเชื้อเพลิงจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อให้คุณสามารถมั่นใจได้ว่าการเดินทางของคุณจะสนุกสนานและเต็มไปด้วยความทรงจำที่ดี