จะ “ซื้อรถ” ทั้งที มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

เพราะการซื้อรถสักคัน อาจเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายคน แต่นอกจากค่าซื้อรถแล้วยังมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถอื่นๆ ที่ตามมาอีกมาก มาลองดูกันดีกว่าว่าคุณเตรียมเงินไว้พร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้หรือยัง

จะ “ซื้อรถ” ทั้งที มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการซื้อรถ

1. ค่าเงินดาวน์รถยนต์ และค่าผ่อนรถ 

สำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อรถด้วยเงินสด การวางเงินดาวน์ถือเป็นด่านแรกของการซื้อรถ ซึ่งปกติแล้วเราควรวางเงินดาวน์ประมาณ 20-40% ของราคารถ ยิ่งวางเงินดาวน์สูงเท่าไหร่ก็จะทำให้ยอดผ่อนต่องวดน้อยลงเท่านั้น

กรณีคุณเลือกดาวน์น้อยกว่า 20% อาจต้องแลกมาด้วยยอดผ่อนต่อเดือนที่สูง ระยะเวลาในการผ่อนที่นานขึ้น หรืออาจต้องมีคนค้ำประกัน ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของค่ายรถและเต็นท์รถที่คุณเลือกซื้อ 

ในส่วนของค่าผ่อนนั้นมีให้เลือกระยะเวลาผ่อนตั้งแต่ 1 ถึง 5 ปี โดยมากนิยมผ่อนกันอยู่ที่ 48-60 งวด (4-5 ปี) คิดเป็นค่าใช้จ่ายในการผ่อนรถเดือนละประมาณ 5,000-20,000 บาท ทั้งนี้คุณควรมีเงินเดือนหรือรายได้สัก 3 เท่าของค่าผ่อนต่อเดือน หรือถ้าจะให้ดี ควรเลือกจ่ายค่างวด 20-30% ของเงินเดือน ก็จะไม่ตึงมือจนเกินไป และไม่ควรผ่อนรถเกิน 70% ของรายได้

2. ค่าอุปกรณ์เสริมต่างๆ และของตกแต่ง 

ข้อนี้ดูเผินๆ แล้ว อาจจะเหมือนของฟุ่มเฟือยแต่อันที่จริงของบางอย่างก็จำเป็นต้องซื้อ เช่น กล้องติดรถยนต์, GPS สำหรับนำทาง หรือ ฟิล์มกรองแสงที่ถือว่าจำเป็นสำหรับสภาพอากาศและความโหดร้ายของแดดบ้านเราเป็นอย่างมาก

ซื้อประกันรถยนต์กับ Pocket คุ้มค่าสุดๆ

ค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ เมื่อมีรถ

  • ค่าน้ำมัน ค่าเชื้อเพลิง  

ขึ้นอยู่กับประเภทของรถที่คุณซื้อด้วย โดยปกติแล้วค่าน้ำมันมักอยู่ที่ประมาณ 2,000-4,000 บาทต่อเดือน ในกรณีที่คุณเลือกจะติดตั้งแก๊ส ก็จะมีค่าติดตั้งและค่าแก๊สตามระยะที่วิ่ง หากเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะมีค่าอุปกรณ์ติดตั้งระบบชาร์จรถไฟฟ้า EV ที่บ้าน และค่าไฟบ้าน แต่หากคุณไม่สะดวกในการติดตั้งระบบชาร์จรถ EV สามารถเลือกใช้บริการชาร์จไฟตาม Charging Station ที่มีให้บริการ แต่ต้องแลกมากับการนั่งรอครั้งละประมาณ 30 นาทีขึ้นไป

  • ค่าทางด่วน 

เป็นค่าใช้จ่ายที่มากน้อยแตกต่างกันไปตามความจำเป็นและระยะทางระหว่างบ้านกับที่ทำงาน หรือลักษณะการเดินทางของแต่ละคน โดยเริ่มต้นที่ครั้งละ 15-60 บาท 

  • ค่าที่จอดรถ 

โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งหาที่จอดรถได้ค่อนข้างยาก บางคอนโดมีจำนวนที่จอดรถไม่เพียงพอกับผู้พักอาศัย และบางบริษัทไม่มีสวัสดิการที่จอดรถให้พนักงาน คุณอาจต้องยอมเสียเงินเพิ่มเป็นค่าที่จอดรถรายเดือนประมาณ 1,000-2,000 บาท นอกจากนี้ยังมีค่าที่จอดรถชั่วคราว ครั้งละ 20-50 บาท เมื่อคุณขับรถไปเที่ยวนอกสถานที่อีกด้วย 

  • ค่าดูแลบำรุงรักษา ตรวจเช็คระยะ เช็คสภาพรถ

รถยนต์เป็นสิ่งที่เสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน จึงจำเป็นต้องมีการเช็คระยะ และ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเป็นประจำ โดยปกติแล้วจะทำปีละ 2 ครั้ง (ทุกๆ 6 เดือน) มีค่าใช้จ่ายครั้งละประมาณ 3,000-4,000 บาท 

  • ค่าพ.ร.บ. ภาษีรถยนต์ และ ประกันรถยนต์

ข้อนี้มีทั้งภาคบังคับ ในส่วนของของภาษีและ พ.ร.บ.รถยนต์ ที่คุณจำเป็นจะต้องชำระให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนประกันรถยนต์นั้นเป็นประกันภาคสมัครใจ หากเราซื้อรถผ่านไฟแนนซ์ก็มักจะมีกำหนดให้ทำประกันรถยนต์ไว้ หรือบางครั้งก็มีโปรโมชันแถมประกันตามรุ่นรถที่คุณเลือก แต่การมีประกันรถยนต์ไว้นั้นจะช่วยสร้างความอุ่นใจให้คุณเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 ซึ่งคุ้มครองความเสียหายต่างๆ ที่เกิดกับรถยนต์ของคุณและคู่กรณีได้อย่างครอบคลุม

วางแผนการเงินก่อนซื้อรถ

เมื่อทราบแล้วว่ามีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอะไรบ้าง หากเราคิดที่จะมีรถยนต์สักคัน ขั้นตอนต่อไปก็คือการวางแผนและปฏิบัติตามแผน เพื่อให้เราสามารถผ่อนรถยนต์และจ่ายค่าใช้จ่ายแต่ละอย่างไปได้ตลอดรอดฝั่งนั่นเอง 

1. ประเมินความสามารถในการซื้อรถ

เพื่อให้ได้รถยนต์ที่ตรงกับความต้องการในการใช้งาน และความสามารถในการผ่อนชำระของคุณมากที่สุด โดยพิจารณาจากรายรับต่อเดือน จำนวนเงินดาวน์ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเงินเก็บที่คุณมีอยู่ หากมีรายได้ไม่ถึง 2 เท่าของค่างวดรถจะต้องมีคนกู้ซื้อร่วมด้วย 1 คน จึงจะมีโอกาสผ่านไฟแนนซ์ได้ง่ายขึ้น 

2. เมื่อได้รถรุ่นที่ต้องการแล้ว ให้เขียนรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวกับรถยนต์ของคุณออกมา

เพื่อนำมาคำนวณเป็นยอดรายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือน ตัวอย่างเช่น

คุณต้องการซื้อรถยนต์ราคา 500,000 บาท สามารถวางเงินดาวน์ได้ที่ 150,000 บาท มีประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ในปีแรก จำเป็นต้องขึ้นทางด่วนไปทำงานทุกวันเพราะที่ทำงานอยู่ไกล และมีค่าที่จอดรถบริเวณใกล้ที่ทำงาน 1,500 บาทต่อเดือน
ค่าใช้จ่ายสำหรับรถคันนี้

  • ค่าเงินดาวน์ 150,000 บาท
  • ค่าผ่อนรถ 9,000 บาท/เดือน
  • ค่าน้ำมัน 3,000 บาท/เดือนค่าทางด่วน 1,500 บาท/เดือน 
  • ค่าที่จอดรถ 1,000 บาท/เดือน

จะเห็นว่าหากไม่นับเงินดาวน์ คุณจะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์อยู่ที่ประมาณ 19,000-20,000 บาทต่อเดือน หากคุณมีรายรับต่ำกว่าเดือนละ 40,000 บาท ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของคุณจะค่อนข้างสูง มีโอกาสที่สภาพคล่องทางการเงินจะมีปัญหาได้

3. เริ่มเก็บเงินเท่ายอดผ่อนต่อเดือน ประมาณ 6-12 เดือน

เพื่อใช้เงินก้อนนี้เป็นเงินดาวน์ หรือกรณีที่คุณมีเงินดาวน์แยกต่างหากไว้อยู่แล้ว การทดลองเก็บเงินก่อนก็เพื่อประเมินการใช้จ่ายของคุณนั่นเอง ว่าสามารถผ่อนได้สบายไหม ตึงมือไปหรือเปล่า 

4. ควรเตรียมเงินเก็บสำรองไว้อีกก้อน

เผื่อกรณีฉุกเฉินที่คุณอาจหมุนเงินไม่ทัน และจำเป็นต้องจ่ายค่าใช้จ่ายรถที่เป็นก้อน เช่น ค่าประกันรถยนต์ ค่าบำรุงรถ หรือค่าซ่อมรถ (กรณีที่ไม่มีประกันรถยนต์) เป็นต้น 

จะเห็นได้ว่าการซื้อรถยนต์สักคันหนึ่ง มีค่าใช้จ่ายอีกมากมายเกินกว่าที่เราคิดไว้ในตอนแรก ดังนั้นการวางแผนทางการเงินเพื่อให้เราสามารถผ่อนสบายแบบไม่สะดุดระหว่างทางจึงเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการมีประกันรถยนต์ดีๆ ก็จะช่วยให้เราขับขี่รถยนต์สุดรักได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจงอกขึ้นมา

ประกันรถยนต์ชั้น 1 Pocket by LMG Insurance พร้อมให้คุณเลือกความคุ้มครองได้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ มีอู่และศูนย์ซ่อมระดับมาตรฐานทั่วประเทศ พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. สามารถติดต่อขอคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านประกันฟรีได้ที่เบอร์ 02-302-7788 หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pocketbylmg.com

รับฟรีโค้ดเติมน้ำมัน

ปรึกษาพร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพียงฝากข้อมูลของคุณด้านล่าง