การขับรถที่มีเด็กนั่งไปด้วย ไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเจอเมื่อมีลูกน้อยเดินทางไปด้วยคือเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าลูกน้อยจะงอแงเมื่อไหร่ หรืออาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เรามีเคล็ดลับในการรับมือกับเด็กๆ ขณะขับรถ มาแนะนำให้ได้ลองไปใช้กัน พร้อมแนะนำอุปกรณ์ที่ช่วยลดความเสี่ยงกับเด็กๆ หากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพื่อให้คุณสามารถขับรถปลอดภัยและมีสมาธิขับรถได้มากขึ้น
เตรียมพร้อม และทำความเข้าใจกับเด็กๆ ก่อนออกเดินทาง
คุณควรเตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์ของใช้สำหรับเด็ก อุปกรณ์สร้างความบันเทิงระหว่างเดินทางเพื่อช่วยให้พวกเขามีกิจกรรมทำระหว่างการนั่งอยู่ในที่แคบๆ บนรถหลายชั่วโมง เช่น
-
หนังสือภาพสีประมาณ 2-3 เล่ม
-
หนังสือติดสติ๊กเกอร์ หรือ หนังสือระบายสี
-
เล่นเกมทายคำศัพท์ หรือ ร้องเพลงไปกับเด็กๆ
-
แท็บเล็ตเปิดคลิปเล่านิทานเพลินๆ
ก่อนออกเดินทางแนะนำให้มีการสื่อสารกับเด็กๆ ให้เข้าใจถึงความสำคัญของการขับรถที่ต้องใช้สมาธิ และความจำเป็นที่เด็กๆ ต้องนั่งคาร์ซีทตลอดเวลาขณะที่อยู่บนรถ เพื่อให้คุณสามารถขับรถไปยังจุดหมายได้อย่างปลอดภัยตลอดการเดินทาง ที่สำคัญตรวจเช็คสภาพรถและคาร์ซีทก่อนออกเดินทางเสมอ
มีผู้ใหญ่อย่างน้อยอีก 1 คน ร่วมเดินทางไปด้วย
การมีผู้ใหญ่อีกคนหนึ่งในรถนอกจากคนขับ จะได้มีอีกคนช่วยกันดูแล เบี่ยงแบนความสนใจ และตอบสนองกับการร้องขอสิ่งต่างๆ ของเด็กๆ บนรถได้ หรือกรณีที่มีคุณเป็นคนขับซึ่งเป็นผู้ใหญ่คนเดียว คุณสามารถมอบหมายเด็กที่โต ชกว่าเด็กคนอื่นๆ ในรถช่วยดูแลน้องๆ
หยุดพักเป็นระยะ และ ไม่ปล่อยให้เด็กอยู่ในรถตามลำพัง
ควรจะพักทุกๆ 2 ชั่วโมงเพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ยืดเส้นยืดสาย ลดความเหนื่อยล้าสะสม นอกจากนี้ยังเป็นการให้เด็กๆ ได้เปลี่ยนอิริยาบถ ลดความเบื่อหน่าย หรือได้แวะทานอาหารเติมพลังจากการนั่งรถติดต่อกันเป็นเวลานาน และยังทำให้พวกเขาหลับง่ายขึ้นเมื่อกลับขึ้นมานั่งบนรถอีกด้วย
ติดตั้งคาร์ซีท (Car Seat) เพื่อความปลอดภัย
กรณีที่ลูกน้อยอายุยังไม่ครบ 6 ปี จำเป็นต้องติดตั้งคาร์ซีท (Car Seat) หรือเบาะรถยนต์สำหรับเด็กเพื่อเพิ่มความปลอดภัยภายในรถ ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ถนน ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน 2565 ระบุว่าเด็กที่มีอายุไม่เกิน 6 ปี จะต้องจัดให้นั่งใน “คาร์ซีท” เพื่อป้องกันอันตราย และหากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษปรับ 2,000 บาท
คาร์ซีทออกแบบตามความเหมาะสมของช่วงอายุเด็ก เพื่อให้รองรับกับสรีระเด็กในวัยต่างๆ รวมถึงต้องมีการคำนึงถึงความแข็งแรงและประสิทธิภาพในการรับแรงกระแทกด้วย เราสามารถแบ่งประเภทของคาร์ซีทและวิธีในการติดตั้ง ได้ดังนี้
แบบหันหน้าเข้าหาเบาะ สำหรับเด็กอายุ 0-2 ปี
คาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ หรือ Rearward Facing Seats จะสามารถปกป้องศีรษะ คอ และกระดูกสันหลังของทารกได้ดี ดังนั้นคุณควรติดตั้งคาร์ซีทแบบนี้ไว้ตรงเบาะหลังของรถยนต์ หากต้องการติดตั้งไว้ข้างคนขับ ก็ควรปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยข้างคนขับเพื่อความปลอดภัยเพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุกระแทกแรง ถุงลมนิรภัยอาจอัดกระแทกเด็กได้
แบบหันหน้าออกจากเบาะ สำหรับเด็กอายุ 2-4 ปี
คาร์ซีทแบบหันหน้าออกจากเบาะ หรือ Forward Facing Seats ควรติดตั้งตรงที่นั่งผู้โดยสารเบาะหลัง โดยตำแหน่งที่คาร์ซีทจะได้รับแรงกระทบเทือนน้อยที่สุดหากเกิดอุบัติเหตุ
Booster Seats สำหรับเด็กอายุ 4-12 ปี
คาร์ซีทประเภทนี้เรียกว่าคาร์ซีทแบบเสริม เหมาะสำหรับเด็กโตเพื่อเพิ่มความสูงให้กับเด็กเวลานั่งบนที่นั่งให้สายเข็มขัดนิรภัยพาดผ่านสะโพกและหัวไหล่ ไม่ใช่ตรงคอของเด็ก ควรติดตั้งคาร์ซีทแบบเสริมนี้ตรงที่นั่งผู้โดยสารเบาะหลังเช่นกัน
ทั้งนี้การติดตั้งคาร์ซีทนอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ยังเป็นการลดอันตรายที่อาจเกิดกับลูกน้อยหากได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้
นอกจากเทคนิคในการขับรถปลอดภัยที่เราแนะนำไปข้างบนแล้ว การทำประกันรถยนต์ จะช่วยให้คุณได้รับความอุ่นใจได้ว่าทั้งคุณและทุกคนในครอบครัวจะได้รับความคุ้มครอง และความสะดวกยิ่งขึ้นเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ทางบริษัทประกันรถยนต์ Pocket by LMG มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง เพียงโทร 1790 สามารถเช็คเบี้ยประกันและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-302-7788 หรือ www.pocketbylmg.com