เพื่อที่จะขับขี่รถยนต์และมอเตอร์ไซค์บนท้องถนนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จำเป็นต้องมีใบอนุญาตขับขี่ที่ออกให้โดยกรมการขนส่งทางบก และแน่นอนผู้ที่ต้องการทำใบขับขี่รถยนต์ต้องผ่านการทดสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งหลายๆ คนที่กำลังจะทำใบขับขี่ครั้งแรกอาจมีความกังวลไม่น้อย โดยเฉพาะในการทำข้อสอบใบขับขี่ให้ได้คะแนนผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
ในบทความนี้ได้รวบรวมแนวทางการเตรียมตัวและการฝึกทำข้อสอบใบขับขี่ภาคทฤษฎี เพื่อให้ผู้ที่ต้องการทำใบขับขี่มีความพร้อมก่อนสอบจริง มาดูกันว่าการทำใบขับขี่รถยนต์ต้องสอบอะไรบ้าง

ทำใบขับขี่รถยนต์ต้องสอบอะไรบ้าง
ในการทำใบขับขี่รถยนต์ครั้งแรก กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดให้ต้องมีการทดสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยผู้ทำใบขับขี่จำเป็นต้องทำการทดสอบทั้งสองส่วนให้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด จึงจะสามารถทำใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลได้ ซึ่งการทดสอบมีรายละเอียดเบื้องต้นที่ควรรู้ ดังนี้
1. การสอบภาคทฤษฎี
การสอบภาคทฤษฎีสำหรับการทำใบขับขี่นั้นเป็นการสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรือ e-Exam ทั้งหมด 50 ข้อ ภายในระยะเวลา 60 นาที หรือ 1 ชั่วโมง
ข้อสอบใบขับขี่มีกี่หมวด? ในปี 2568 การสอบภาคทฤษฎีนั้นถูกแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ทั้งหมด 11 หมวด ได้แก่
- การคาดการณ์อุบัติเหตุ (2 ชุด) - หมวดหมู่ใหม่ที่เพิ่มเติมจากหมวดหมู่เดิม
- กฎหมายว่าด้วยรถยนต์
- กฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก
- สัญญาณ
- เครื่องหมายพื้นทาง-ขอบทาง
- ป้ายบังคับ
- ป้ายเตือน ป้ายแนะนำ
- การบำรุงรักษารถ
- การขับรถอย่างปลอดภัย
- จิตสำนึกและมารยาทในการขับรถ
ข้อสอบใบขับขี่ที่ทำในแต่ละครั้งจะถูกสุ่มคำถามจากหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อทดสอบความรู้ด้านทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ ซึ่งจะต้องตอบถูกอย่างน้อย 45 ข้อ หรือ 90% ขึ้นไปจึงจะถือว่าผ่านการทดสอบ
2. การสอบภาคปฏิบัติ
การทดสอบภาคปฏิบัติเป็นอีกส่วนสำคัญที่มีจุดประสงค์เพื่อประเมินความสามารถในการขับขี่บนถนนจริง และเป็นการชี้วัดว่าคุณพร้อมที่จะขับขี่รวมกับผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ หรือไม่ โดยจะแบ่งการทดสอบออกเป็น “ท่า” ต่างๆ ซึ่งจะแตกต่างกันไประหว่าง รถยนต์ และ รถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) ดังนี้
-
ท่าสอบใบขับขี่รถยนต์
แบ่งออกเป็น 3 ท่า โดยเป็นท่าพื้นฐานที่ผู้ขับขี่รถยนต์ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่
1. ท่าขับรถเดินหน้าและถอยหลังในทางตรง - การขับรถเดินหน้าและถอยหลังในช่องเดินรถทางตรง โดยที่ช่องมีขนาดความกว้าง 2.50 เมตร และยาว 10 – 20 เมตร ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐาน
2. การขับรถเดินหน้าและหยุดรถเทียบทางเท้า - ขับรถจากจุดหนึ่งไปจนถึงจุดที่กำหนด โดยต้องหยุดรถเทียบกับขอบทางด้านซ้ายไม่เกิน 25 เซนติเมตร พร้อมกันนั้นกันชนหน้าต้องไม่ล้ำจุดหยุดรถข้างทาง และต้องอยู่ห่างจากจุดหยุดรถไม่เกิน 1 เมตร
3. การขับรถถอยหลังเข้าจอดและออกจากช่องว่างด้านซ้าย (ถอยเข้าซอง) - การขับรถถอยเข้าที่จอดรถในช่องว่างด้านซ้าย โดยต้องไม่ชนหรือเบียดหลัก หรือล้ำเส้นที่กำหนด และตัวรถต้องขนานกับขอบทาง
- ท่าสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์
แบ่งออกเป็น 5 ท่า ซึ่งเป็นท่าพื้นฐานที่ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่
1. ขับรถจักรยานยนต์โดยปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร - ขับมอเตอร์ไซค์ตามเส้นทางที่กำหนด โดยมีป้ายจราจรต่างๆ เช่น ป้ายหยุด ป้ายเลี้ยวซ้าย/ขวา หรือป้ายห้ามเลี้ยว เป็นต้น
2. ขับรถจักรยานยนต์ ทรงตัวบนทางแคบ - ขับมอเตอร์ไซค์โดยให้ล้อทั้งสองข้างอยู่บนทางแคบ ผู้ขับขี่ต้องทรงตัวไว้โดยไม่ให้เท้าแตะพื้นเป็นเวลา 10 วินาที
3. ขับรถจักรยานยนต์ซิกแซกเข้าโค้งแคบ - ขับมอเตอร์ไซค์ซิกแซกไปมาตามเส้นทางรูปตัว Z โดยไม่ชนกรวยที่ตั้งไว้
4. ขับรถจักรยานยนต์เข้าโค้ง - ขับมอเตอร์ไซค์เข้าโค้งรูปตัว S โดยไม่ชนกรวยที่ตั้งไว้
5. ขับรถจักรยานยนต์ซิกแซก หลบสิ่งกีดขวาง - ขับขี่มอเตอร์ไซค์โดยหลบหลีกสิ่งกีดขวางตามเส้นทาง
ผู้ทดสอบจะต้องสอบผ่านท่าทั้งหมด คือ ผ่านท่าสอบใบขับขี่รถยนต์ทั้งหมด 3 ท่า และ ท่าสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้งหมด 5 ท่า โดยในตลอดการทดสอบจะมีเจ้าหน้าที่หรือ “ผู้คุมสอบ” คอยกำกับดูแลและประเมินความสามารถในการขับขี่
รู้แนวข้อสอบใบขับขี่รถยนต์ก่อนสอบจริง
จากที่กล่าวไปข้างต้น การสอบภาคทฤษฎีทั้งหมด 50 ข้อ อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายหากไม่ได้ศึกษาล่วงหน้าให้ดี อย่างไรก็ตามผู้ที่ต้องการทำใบขับขี่ใหม่สามารถศึกษาแนวข้อสอบใบขับขี่รถยนต์ผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่
1. โรงเรียนสอนขับรถ
ปัจจุบันมีโรงเรียนสอนขับรถหลายแห่งที่มีบริการอบรมแนวทางการขับขี่และข้อสอบใบขับขี่ โดยมีผู้ฝึกสอนที่มีความเชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ ซึ่งโรงเรียนเหล่านี้มักมีพื้นที่สนามฝึกที่ช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ผู้เรียนสามารถสอบใบขับขี่ที่โรงเรียนได้ทันทีหลังอบรมเสร็จ โดยไม่ต้องเดินทางไปสอบที่สำนักงานขนส่ง เพียงแค่ยื่นใบรับรองเมื่อทำใบขับขี่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม โรงเรียนแต่ละแห่งนั้นมีค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมแตกต่างกันไป อีกทั้งควรพิจารณาเลือกโรงเรียนที่ผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น
2. เรียนรู้ด้วยตนเองกับ ขับขี่ปลอดภัย by DLT
สำหรับผู้ที่สะดวกฝึกขับรถกับผู้ที่มีประสบการณ์ หรือมีพื้นฐานการขับขี่รถยนต์อยู่แล้ว สามารถฝึกทำข้อสอบภาคทฤษฎีเสมือนจริงได้ด้วยตนเองได้ที่ safedrivedlt.com/ฝึกทำข้อสอบใบขับขี่ ซึ่งเป็นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสำนักสวัสดิการขนส่งทางบก (สนภ.) กรมการขนส่งทางบก โดยสามารถฝึกทำข้อสอบใบขับขี่เสมือนการทดสอบจริง หรือเลือกทดสอบตามหมวดหมู่ที่ต้องการได้เช่นกัน
นอกจากนี้ เว็บไซต์ safedrivedlt.com ยังมีสื่อความรู้ต่างๆ มากมายที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ขับขี่และบุคคลทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับการขับขี่ ขั้นตอนการทำใบขับขี่ ใบขับขี่สากล หลักสูตร KidsOER ไปจนถึง e-Book แบ่งปันความรู้ที่ได้รับการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ
การทำใบขับขี่รถยนต์เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเป็นผู้ขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นจึงควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อให้สอบผ่านได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเลือกเรียนผ่านโรงเรียนสอนขับรถหรือฝึกด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจกฎจราจรและฝึกฝนทักษะการขับขี่อย่างจริงจัง
สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าการขับขี่อย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งการมีใบขับขี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่การเป็นผู้ขับขี่ที่ดีต้องอาศัยการปฏิบัติตามกฎจราจร เคารพผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ และต้องไม่ลืมที่จะซื้อประกันรถยนต์ที่เหมาะสม เพื่อคุ้มครองตัวคุณ รถของคุณ และผู้อื่นบนท้องถนน
หากคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองครบครันในราคาที่คุ้มค่า Pocket by LMG ขอนำเสนอแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ในราคาดีที่ซื้อง่ายและรวดเร็ว ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และประกันรถยนต์ชั้น 3+ เรายินดีให้คำปรึกษาและแนะนำแผนประกันที่เหมาะสม เพื่อให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปอย่างอุ่นใจ สามารถดูแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ พร้อมเปรียบเทียบประกันรถยนต์ และเช็คเบี้ยได้ง่ายๆ ที่ www.pocketbylmg.com หรือโทร. 02-302-7788 เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับแผนประกันที่ตอบโจทย์ในราคาที่คุ้มค่า