รู้ไว้ก่อนซื้อรถ EV เมื่อต้องเลือกประกันรถยนต์ไฟฟ้า

รู้ไว้ก่อนซื้อรถ EV เมื่อต้องเลือกประกันรถยนต์ไฟฟ้า

เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV เริ่มได้รับความสนใจจากผู้ใช้รถในประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงในหลายประเทศมีเป้าหมายที่จะยกเลิกการใช้รถน้ำมันในอนาคต รถยนต์ไฟฟ้าจึงไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวทุกคนอีกต่อไป ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน นอกจากจะต้องศึกษาประเภทและระบบการทำงานของรถให้ดีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถ EV 100% หรือรถไฮบริด สิ่งที่ต้องตัดสินใจเลือกต่อมา แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องของประกันรถยนต์ และเพื่อให้คุณทำความเข้าใจเรื่องประเภทของรถและประกันสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าได้มากขึ้น Pocket by LMG ได้รวบรวมเรื่องสำคัญที่ควรรู้มาให้เหล่าผู้ใช้รถที่กำลังสนใจรถยนต์ไฟฟ้า นำไปประกอบการพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ

ซื้อประกันรถยนต์กับ Pocket คุ้มค่าสุดๆ

รู้จักประเภทของรถยนต์ไฟฟ้าก่อนตัดสินใจซื้อ

“รถยนต์ไฟฟ้า” เป็นรถที่หลายคนรู้จักกันดีอยู่แล้วว่าใช้ระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะไม่สร้างมลพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้หลายเท่าอีกด้วย โดยรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า 100% และรถไฮบริด ซึ่งสามารถแบ่งได้ ดังนี้ 

  • รถยนต์ไฟฟ้าพลังงาน 2 ระบบ หรือรถไฮบริด
    • รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด Hybrid Electric Vehicle (HEV) ระบบการทำงานของรถไฮบริดจะสลับการใช้งานระหว่างพลังงานจากเครื่องยนต์สันดาปและพลังงานจากแบตเตอรี่โดยอัตโนมัติ หรือบางครั้งอาจใช้พลังงานจากทั้งสองแหล่งพร้อมกัน เพื่อเสริมกำลังเร่งของรถ
    • รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด Plug-in Hybrid (PHEV) มีระบบสลับการใช้งานระหว่างพลังงานไฟฟ้าและเครื่องยนต์เหมือนรถไฮบริด แต่จะต่างกันที่ รถ PHEV สามารถชาร์จแบตเตอรี่เองได้จากที่บ้านหรือสถานีชาร์จ โดยเมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มแล้ว รถจะสามารถขับเคลื่อนได้โดยไม่ใช้น้ำมัน จนกระทั่งแบตเตอรี่หมดจึงจะสลับมาใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ตามปกติ
  • รถยนต์ไฟฟ้า 100%
    • รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ Battery Electric Vehicle (BEV) ระบบของรถ EV ประเภทนี้ จะถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากการชาร์จแบตเตอรี่เท่านั้น ตัวรถจะไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำให้ไม่สามารถปล่อยไอเสียออกมาได้เลย และยังสามารถช่วยประหยัดค่าน้ำมันไปได้มากอีกด้วย
    • รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle (FCEV) ระบบของรถ EV ประเภทนี้ จะดึงไฮโดรเจนเหลวและอากาศที่มีออกซิเจน นำส่งเข้าสู่ Fuel Cell Stack เพื่อแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าเก็บไว้ในแบตเตอรี่ จากนั้นตัวมอเตอร์จะนำพลังงานไฟฟ้าที่เก็บไว้ไปใช้ในการขับเคลื่อนรถ แต่รถ FCEV อาจไม่เป็นที่นิยมมาก เนื่องจากยังมีสถานีที่บริการเติมไฮโดนเจนอยู่น้อยในประเทศไทย

ปัจจุบันรถ EV หลายรุ่น สามารถสะสมแบตเตอรี่เพื่อขับขี่ได้ในระยะทางที่ไกลขึ้น ใช้เวลาชาร์จที่น้อยลง และเริ่มมีการติดตั้งสถานีชาร์จรองรับในหลายที่ เชื่อว่าในอนาคตผู้ใช้รถ EV จะได้รับความสะดวกสบายในการใช้งานและมีจำนวนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นอย่างแน่นอน

รถยนต์ไฟฟ้าประเภทไหนเหมาะกับใครบ้าง

  • รถยนต์ไฟฟ้าพลังงาน 2 ระบบ หรือรถไฮบริด
    การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าสลับกับเครื่องยนต์ ทำให้หมดความกังวลเรื่องไม่มีสถานีชาร์จระหว่างเดินทาง สามารถขับขี่ระยะไกลได้ รถไฮบริดจึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ใช้รถเป็นประจำและผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยๆ
  • รถยนต์ไฟฟ้า 100%
    การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน ทำให้สามารถประหยัดค่าน้ำมันและค่าบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศ จึงเหมาะกับการขับขี่ในเมืองหรือจังหวัดใกล้เคียง เนื่องจากในเมืองมีสถานีชาร์จรองรับในหลายพื้นที่ เป็นการช่วยลดอากาศเสียจากการที่มีรถหนาแน่น รวมถึงมีศูนย์ซ่อมที่เข้าถึงได้สะดวก

เมื่อรู้จักรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละประเภทแล้ว หลายคนคงสามารถนำไปประกอบการตัดสินใจเพื่อเลือกรถที่เหมาะสมกับตัวเองได้มากขึ้น สิ่งที่ต้องศึกษาและเลือกต่อมา นั่นก็คือประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์ไฟฟ้า เรื่องสำคัญที่ควรรู้

ประกันรถยนต์เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนจะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเพราะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกับรถยนต์น้ำมัน หลายคนอาจสงสัยว่าหากลงทุนซื้อรถ EV มาใช้สักคัน การทำประกันสำหรับรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะมีค่าเบี้ยที่สูงกว่าประกันรถยนต์น้ำมันแล้ว จะได้รับความคุ้มค่าหรือไม่

สาเหตุที่ประกันรถยนต์ไฟฟ้ามีค่าเบี้ยสูงกว่านั้นมาจากค่าอะไหล่ อุปกรณ์ และศูนย์บริการซ่อมที่ยังมีไม่มากนักในประเทศไทย แต่โอกาสที่ผู้ใช้รถจะหันมาเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้านั้นมีมากขึ้นในอนาคต ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงศูนย์ซ่อมก็จะมีมากตามมาเช่นกัน ค่าเบี้ยประกันก็จะถูกปรับลงจนอาจจะมีการแข่งขันด้วยราคาที่ถูกกว่ากันเลยก็ว่าได้

การเลือกประกันรถยนต์ไฟฟ้าควรพิจารณาอย่างไร

การทำประกันรถยนต์เป็นการสร้างความอุ่นใจให้ผู้ขับขี่ หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นก็จะสามารถคลายกังวลกับปัญหาต่างๆ ได้ โดยก่อนที่จะเลือกซื้อประกันรถยนต์ ควรพิจารณาให้รอบด้านและเลือกบริษัทประกันภัยที่เชื่อถือได้ เช่น ประกันภัยชั้น 1 จาก Pocket by LMG

  • ความคุ้มครอง
    สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาสำหรับการทำประกันรถยนต์ไฟฟ้า คือ ความคุ้มครองที่จะได้รับว่าครอบคลุมค่าอะไหล่ อุปกรณ์ต่างๆ และที่สำคัญที่สุด คือ แบตเตอรี่ที่ใช้ชาร์จพลังงาน โดยต้องพิจารณาว่าสามารถดูแลได้อย่างครบถ้วนแล้วหรือไม่
  • เบี้ยประกันและทุนประกัน
    การตรวจสอบเบี้ยประกันและทุนประกันว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรพิจารณา เพื่อให้คุ้มค่ามากที่สุด หากจ่ายเบี้ยประกันสูง ทุนประกันและความคุ้มครองที่ได้รับก็ควรจะสูงตามไปด้วย รวมถึงควรตรวจสอบว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไป มีกรณีที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมเองอีกด้วยหรือไม่
  • ศูนย์ซ่อม
    แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้วในประเทศไทย แต่ศูนย์ซ่อมที่มีอะไหล่และอุปกรณ์ต่างๆ อาจยังไม่ได้มีแพร่หลายมากนัก การที่เลือกบริษัทประกันที่มีศูนย์ซ่อมคุณภาพในเครือให้เลือกจะเป็นการประหยัดเวลาและลดปัญหากวนใจที่ตามมาได้อีกมากเช่นกัน

การเลือกทำประกันรถยนต์ไฟฟ้าชั้น 1 กับ Pocket by LMG

ใครที่สนใจรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและกำลังพิจารณาประกันรถยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะกับรถคู่ใจคันใหม่ การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ Pocket by LMG นั้น นอกจากคุณจะได้รับความคุ้มครองที่ครบถ้วนแล้ว ยังได้รับความคุ้มค่าที่มากกว่า สามารถปรับเลือกแผนประกันตามความเหมาะสมพร้อมช่วยคุณประหยัดเงินในกระเป๋า วางใจได้เพราะเราคัดสรรทั้งศูนย์บริการและอู่ในเครือที่มีคุณภาพมาให้แล้วกว่า 1,800 แห่ง ครอบคลุมทั่วไทย ดังนั้น รถของคุณจะได้รับการดูแลตามมาตรฐานอย่างดี โดยช่างที่มีประสบการณ์สูง ในระยะเวลาที่รวดเร็ว

หากใครที่ยังลังเลหรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกประกันรถยนต์สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 02-302-7788 หรือ www.pocketbylmg.com เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

รับฟรีโค้ดเติมน้ำมัน

ปรึกษาพร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพียงฝากข้อมูลของคุณด้านล่าง