การทำประกันรถยนต์นั้นมีรายละเอียดและเงื่อนไขมากมายที่ต้องศึกษา และแน่นอนว่าด่านแรกที่ทุกคนต้องเจอคือ ศัพท์ประกันรถยนต์ ที่อาจทำให้หลายคนสับสน หรือเข้าใจผิด และทำให้ขาดความมั่นใจในการเลือกแผนความคุ้มครอง วันนี้ Pocket จึงได้รวบรวมศัพท์ประกันภัยที่พบบ่อยมาอธิบายให้เข้าใจแบบง่ายๆ เพื่อให้คุณสามารถเลือกความคุ้มครองที่เหมาะกับตัวเองได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

ศัพท์ประกันรถยนต์ควรรู้และเข้าใจ ก่อนทำประกันรถยนต์
คำศัพท์ต่างๆ ที่บริษัทประกันภัยมักพูดถึงตอนเราซื้อประกันรถยนต์นั้นหมายถึงอะไรบ้าง มาดูกันเลยว่า มีคำศัพท์เบื้องต้นอะไรบ้างที่ควรจดเอาไว้
1. กรมธรรม์ประกันภัย (Policy)
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญที่ระบุรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ ระหว่างผู้เอาประกันและบริษัทประกัน ตั้งแต่ความคุ้มครอง วงเงินประกันภัย ผู้รับผลประโยชน์ ฯลฯ โดยจะมีการเก็บเอกสารไว้ทั้งสองฝ่ายหลังตกลงซื้อประกันยนต์ ดังนั้น จึงควรอ่านและทำความเข้าใจรายละเอียดให้ดีก่อนตัดใจสินทำประกันรถยนต์ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมและตรงตามความต้องการ
2. ผู้รับประกัน (Insurer)
ผู้รับประกัน หมายถึงผู้ที่รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายต่างๆ เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นกับรถยนต์ตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา หรือพูดง่ายๆ ก็คือ “บริษัทประกันภัย” นั่นเอง
3. ผู้เอาประกัน (Insured/Assured)
ผู้เอาประกัน คือ ตัวผู้ที่ซื้อประกัน ซึ่งเป็นคู่สัญญาของบริษัทประกันภัย (ผู้รับประกัน) และเป็นผู้ที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขและวงเงินที่ระบุเอาไว้ในสัญญา
4. ผู้รับผลประโยชน์ (Beneficiary)
บุคคลที่ได้รับผลประโยชน์ หรือเงินสินไหมแทนผู้เอาประกันภัยตามที่ระบุเอาไว้ในสัญญา ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุของรถยนต์คันที่ทำประกัน
5. เบี้ยประกัน (Premium)
จำนวนของเงินที่ผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันภัยรถยนต์ หรือตัวแทน ซึ่งแตกต่างกันไปตามแผนประกัน เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 มักจะมีราคาสูงกว่าประกันชั้น 2+ หรือ 3+ โดยอาจมีให้เลือกจ่ายทั้งแบบผ่อนจ่ายรายเดือน หรือแบบรายปี
6. ทุนประกัน (Sum Insured)
ทุนประกัน หมายถึง จำนวนวงเงินสำหรับการรับประกันสูงสุดสำหรับการซ่อมแซมรถยนต์ หรือชดใช้ค่าเสียหายในกรณีเกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุรถชน ไฟไหม้ โจรกรรม หรืออื่นๆ โดยเป็นไปตามเงื่อนไขตามที่ระบุในหนังสือสัญญา ซึ่งจะระบุความคุ้มครองและทุนประกันที่แตกต่างกันออกไป โดยคำนวณจากยี่ห้อรถ รุ่นรถยนต์ รวมถึงปีที่ผลิตของรถยนต์คันนั้นๆ
7. ค่าสินไหมทดแทน (Claim Amount)
ค่าสินไหมทดแทน ที่หลายคนเข้าใจว่ามีความหมายเดียวกับทุนประกัน แต่ในความจริง คือ ค่าเสียหายที่ผู้รับประกันหรือบริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือการซ่อมแซมรถยนต์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยจะจ่ายให้ตามจำนวนค่าใช้จ่ายจริง
ศัพท์ประกันรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับการเคลมประกัน
เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หลายคนอาจมีความกังวลว่า จะแก้ไขปัญหาอย่างไรดี เพราะอาจต้องเจอกับศัพท์ประกันรถยนต์ที่ทำให้สับสน ดังนั้นมาศึกษาคำจำกัดความต่างๆ กันต่อเลย
1. ค่าความเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ (Excess)
ค่าความเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ หรือค่า Excess ที่มีระบุในบางกรมธรรม์ คือ ค่าใช้จ่ายที่ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบเอง ในกรณีเกิดอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี ระบุคู่กรณีไม่ได้ หรือไม่มีข้อมูลมากพอที่บริษัทประกันภัยจะใช้ค้นหาคู่กรณีได้ ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายภาคบังคับ เพื่อป้องกันการเคลมประกันโดยที่ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริง
2. ค่าความเสียหายส่วนแรกภาคสมัครใจ (Deductible)
ค่าความเสียหายที่ผู้เอาประกันจะต้องชำระเมื่อเป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุนั้นๆ โดยชำระตามที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะไม่เกิน 5,000 บาท และถ้ายิ่งจ่ายค่า Deductible มากเท่าไหร่ ผู้เอาประกันจะได้ผลประโยชน์เป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้น
3. ซ่อมห้าง
คำว่า “ซ่อมห้าง” อาจเป็นคำที่หลายคนเห็นบ่อยๆ ตามเงื่อนไขการเคลมประกัน โดยการซ่อมห้าง คือ การซ่อมแซมรถยนต์ในกรณีเกิดอุบัติเหตุกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์โดยตรง ผู้เอาประกันจึงมั่นใจได้ว่าจะได้อะไหล่แท้ และการซ่อมรถที่เป็นไปตามมาตรฐาน
4. ซ่อมอู่
เป็นการนำรถยนต์เข้าซ่อมกับอู่ซ่อมรถต่างๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์หรืออยู่ในสังกัดของบริษัทประกันภัย โดยการทำประกันภัยที่มีเงื่อนไขการเคลมประกันแบบซ่อมอู่ย่อมมีค่าเบี้ยประกันที่ถูกว่าซ่อมห้าง แต่อาจมีข้อจำกัดในการหาอู่เข้าซ่อม
5. เคลมสด
การเคลมสด คือ การที่ผู้เอาประกันติดต่อบริษัทประกันภัย เพื่อดำเนินเรื่องการเคลมประกันและรับการชดเชยค่าสินไหมทันที โดยส่วนมากมักเป็นการเคลมทันที ณ ตอนที่เกิดอุบัติเหตุรถชน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันภัยเข้ามาประเมินความเสียหายรถยนต์ของผู้เอาประกันและคู่กรณี พร้อมดำเนินการให้ ณ ที่เกิดเหตุ
6. เคลมแห้ง
การเคลมแห้ง เป็นการแจ้งเคลมประกันภัยย้อนหลัง หรือหลังเกิดความเสียหายกับรถยนต์ไปแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งสามารถทำได้เมื่อมีประกันรถยนต์ชั้น 1 ทำให้เป็นรูปแบบการเคลมที่สะดวกต่อเจ้าของรถยนต์หลายๆ คนที่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก หรือเกิดอุบัติเหตุในกรณีที่ไม่มีคู่กรณี
การทำความเข้าใจศัพท์ประกันรถยนต์จะช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกประกันได้ตรงตามความต้องการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกประเภทประกัน การกำหนดทุนประกัน การเลือกวิธีการซ่อม หรือแม้แต่การเคลมประกัน ก็จะสามารถเลือกได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ การเลือกบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือและมีบริการครบวงจรก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีในการทำประกันรถยนต์
คุณสามารถเลือกซื้อประกันรถยนต์ที่จะช่วยคุ้มครองอย่างครอบคลุมจาก Pocket โดยสามารถเปรียบเทียบประกันรถยนต์และเช็คเบี้ยได้ง่ายๆ ที่ www.pocketbylmg.com/ หรือ โทร. 02-302-7788 เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับแผนประกันที่ตอบโจทย์ในราคาที่คุ้มค่า