สำหรับท่านที่กำลังวางแผนทำใบขับขี่ใหม่หรือต่ออายุใบขับขี่ เรื่องหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือการเตรียมเอกสารใบรับรองแพทย์ทำใบขับขี่ให้พร้อม ซึ่งเป็นเอกสารชิ้นสำคัญสำหรับยื่นกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อเป็นการยืนยันถึงสุขภาพที่ดีและความพร้อมร่างกายของผู้ขับขี่ และให้การขอทำใบอนุญาตขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่น Pocket จะมาอธิบายถึงรายละเอียดสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับการขอใบรับรองแพทย์ทำใบขับขี่ ตั้งแต่ อายุการใช้งาน รายการตรวจสุขภาพ รายละเอียดที่ควรมีเอกสาร ไปจนถึงขั้นตอนการจองคิวต่อใบขับขี่เบื้องต้น เพื่อให้การทำใบขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่น

ใบรับรองแพทย์ทำใบขับขี่
ใบรับรองแพทย์ใบขับขี่ คือ เอกสารยืนยันว่าผู้ขอใบขับขี่มีสภาพร่างกายที่พร้อมสำหรับการขับขี่ โดยตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 กรมการขนส่งทางบกได้ปรับเปลี่ยนเกณฑ์การใช้ใบรับรองแพทย์ โดยกำหนดให้การทำใบขับขี่และต่ออายุใบขับขี่ทุกประเภทต้องมีใบรับรองแพทย์เป็นเอกสารประกอบ ไม่ว่าจะเป็น
- การทำใบขับขี่ใหม่ทุกประเภท (รถยนต์ จักรยานยนต์ หรือรถสาธารณะ)
- การต่ออายุใบขับขี่ ทั้งใบขับขี่ชั่วคราว และใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี
- การเปลี่ยนประเภทใบขับขี่
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ หากต่ออายุใบขับขี่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์มั้ย คำตอบคือ ใช่ ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ทุกครั้งที่ต่ออายุใบขับขี่ เพราะสุขภาพร่างกายสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
วัตถุประสงค์ของการตรวจสุขภาพทำใบขับขี่
การตรวจสุขภาพทำใบขับขี่มีเป้าหมายเพื่อรับรองว่าผู้ขับขี่มีสภาพร่างกายและจิตใจที่พร้อมสำหรับการขับขี่ ปราศจากโรคประจำตัวหรือสภาวะของโรคที่อาจเป็นอันตรายขณะขับรถ เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ร่วมใช้รถใช้ถนน โดยแพทย์จะตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับขี่มีคุณสมบัติครบถ้วน ดังนี้
- ไม่มีความบกพร่องทางร่างกายที่เป็นอุปสรรคต่อการขับขี่
- ไม่เป็นโรคจิต จิตฟั่นเฟือน หรือปัญญาอ่อน
- ไม่ติดสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์
- ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่อาจเป็นอันตรายขณะขับขี่
- ไม่มีโรคลมชักที่ยังควบคุมไม่ได้
ข้อมูลในใบรับรองแพทย์ที่ควรมี
ลักษณะของใบรับรองแพทย์จะแตกต่างกันไปตามแต่ละโรงพยาบาล คลินิก หรือสถานพยาบาลที่ขอใบรับรองแพทย์
ตัวอย่างแบบฟอร์มใบรับรองแพทย์สำหรับทำใบขับขี่จากแพทย์สภา คลิก
ทั้งนี้แบบฟอร์มใบรับรองแพทย์โดยทั่วไปจะมีข้อมูลทั้งหมดแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่
ส่วนที่ 1 สำหรับผู้ขอใบรับรองแพทย์
คือ ส่วนที่กรอกข้อมูลสำคัญของผู้ขอใบรับรองแพทย์ โดยมีข้อมูล ได้แก่
- ชื่อ-นามสกุล
- สถานที่อยู่ (ที่สามารถติดต่อได้)
- หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน
- ประวัติสุขภาพ ได้แก่ โรคประจำตัว อุบัติเหตุและผ่าตัด ประวัติการเคยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ประวัติเป็นโรคลมชัก รวมถึงประวัติส่วนสำคัญที่เกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆ
- ลงชื่อผู้ขอใบรับรองแพทย์ พร้อมวัน-เดือน-ปี
ในกรณีที่เคยมีประวัติเป็นโรคลมชัก ต้องแนบประวัติการรักษาจากแพทย์ผู้รักษาว่าผู้ขอใบขับขี่ปลอดจากอาการชักมามากกว่า 1 ปี เพื่ออนุญาตให้สามารถทำการขับรถได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย
ส่วนที่ 2 สำหรับแพทย์ผู้ออกใบรับรอง
คือ ส่วนที่สำหรับกรอกข้อมูลของสถานพยาบาลและแพทย์ โดยมีข้อมูล ได้แก่
- สถานที่ตรวจ วัน เดือน ปี ที่มีการขอใบรับรองแพทย์
- ชื่อแพทย์ผู้ตรวจ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ชื่อสถานพยาบาล และที่ตั้งของสถานพยาบาล
- ได้ทำการตรวจร่างกายของ…ระบุชื่อผู้ขอใบรับรองแพทย์
- น้ำหนัก ความสูง ความดันโลหิต และชีพจร ของผู้ขอใบรับรองแพทย์
- สภาพร่างกายทั่วไป
- การรับรองว่าผู้ขอใบขับขี่ ไม่เป็นผู้ที่มีร่างกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไม่ปรากฏอาการของโรคจิต จิตฟั่นเฟือน หรือปัญญาอ่อน ไม่ปรากฏอาการของการติดยาเสพติด หรือมีอาการของโรคพิษสุราเรื้อรัง ระบุว่าไม่ปรากฎอาการหรือแสดงอาการของโรคเรื้อนในระยะติดต่อหรือในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจของสังคม อาการวัณโรคในระยะอันตราย โรคเท้าช้างในระยะปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจต่อสังคม โรคลมชักที่มีอาการต่อเนื่องภายใน 1 ปี และโรคอื่น ๆ (ถ้ามี)
- สรุปความเห็นของแพทย์รวมถึงคำแนะนำ
- ลงชื่อแพทย์ผู้ทำการตรวจร่างกาย
ผู้ขับขี่สามารถเข้าตรวจสุขภาพเพื่อขอใบรับรองแพทย์ได้ที่ โรงพยาบาลรัฐและเอกชน คลินิกเวชกรรมทั่วไป รวมถึงคลินิกทุกแห่งที่รับออกใบรับรองแพทย์สำหรับทำใบขับขี่โดยเฉพาะ
ใบรับรองแพทย์ทำใบขับขี่ ราคาเท่าไหร่
ราคาใบรับรองแพทย์ทำใบขับขี่ขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลแต่ละแห่ง ซึ่งอาจมีค่าบริการตั้งแต่ 100 - 550 บาท โดยมีขั้นตอนการตรวจสุขภาพเบื้องต้น ได้แก่
1. ซักประวัติสุขภาพและโรคประจำตัว
2. ตรวจร่างกายทั่วไป (วัดความดันโลหิต ชีพจร น้ำหนัก ส่วนสูง)
3. ตรวจจับสายตาและตาบอดสี
4. เข้าพูดคุยกับแพทย์ เพื่อประเมินสุขภาพจิต
ใบรับรองแพทย์ใบขับขี่ใช้ได้กี่วัน
ใบรับรองแพทย์มีอายุการใช้งาน 30 วัน หรือ 1 เดือน นับจากวันที่ออกเอกสาร ดังนั้น ควรวางแผนขอใบรับรองแพทย์ให้ใกล้กับวันที่นัดทำใบขับขี่กับกรมขนส่งทางบก เพื่อไม่ให้เอกสารหมดอายุก่อนนำไปใช้
เคล็ดลับการขอใบรับรองแพทย์ เตรียมตัวทำใบขับขี่อย่างราบรื่น
1. จองคิวล่วงหน้า ผ่านแอป DLT Smart Queue
อันดับแรก ให้จองคิวเพื่อนัดวัน-เวลาในการเข้าทำใบขับขี่กับสาขาสำนักงานขนส่งที่สะดวก โดยสามารถจองคิวผ่านแอป DLT Smart Queue ซึ่งสามารถดาวน์โหลดฟรีได้ที่ Google Play Store และ App Store หรือจองคิวออนไลน์บนเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th/ ได้เช่นกัน
2. อบรมออนไลน์
สำหรับผู้ที่ต่อใบขับขี่จาก 5 ปีเป็น 5 ปี สามารถอบรมออนไลน์ล่วงหน้าผ่านระบบ e-Learning ที่ www.dlt-elearning.com โดยจะใช้ระยะเวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง
3. เตรียมเอกสารต่างๆ ให้พร้อม
- บัตรประชาชนตัวจริง
- ใบขับขี่เดิม (ถ้ามี)
- หลักฐานการอบรมออนไลน์
- ใบรับรองแพทย์ - สามารถขอใบรับรองแพทย์ล่วงหน้าได้ 1 เดือนก่อนวันที่นัดคิวต่อใบขับขี่ หรืออาจขอใบรับรองแพทย์ 1-2 สัปดาห์ก่อนวันนัดจริงก็ได้เช่นกัน
เมื่อเตรียมตัวในทุกขั้นตอนจนพร้อมแล้ว สามารถเดินทางไปยังสำนักงานกรมขนส่งทางบกในสาขาที่จองคิวไว้ และเข้ารับบริการตามเวลาที่นัดได้ทันที มั่นใจได้ว่าจะสามารถต่อใบขับขี่ได้อย่างราบรื่น
สรุป การเตรียมใบรับรองแพทย์ทำใบขับขี่และเอกสารที่เกี่ยวข้องเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะทำใบขับขี่ใหม่หรือต่ออายุก็ตาม โดยข้อสำคัญที่ควรคำนึงเอาไว้ คือ ใบรับรองแพทย์มีอายุ 30 วันเท่านั้น และต้องใช้ทุกครั้งที่ทำหรือต่อใบขับขี่ เพราะการตรวจสุขภาพทำใบขับขี่ช่วยให้มั่นใจว่าทุกคนที่ขับขี่บนท้องถนนมีสุขภาพที่พร้อม ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
สุดท้ายนี้ แม้มีสุขภาพแข็งแรงและใบขับขี่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย อีกหนึ่งเรื่องสำคัญคือการทำประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองเหมาะสมกับความต้องการและไลฟ์สไตล์การขับขี่มากที่สุด
หากคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองครบครันในราคาที่คุ้มค่า Pocket by LMG ขอนำเสนอแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ในราคาดีที่ซื้อง่ายและรวดเร็ว ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และประกันรถยนต์ชั้น 3+ เรายินดีให้คำปรึกษาและแนะนำแผนประกันที่เหมาะสม เพื่อให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปอย่างอุ่นใจ สามารถดูแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ พร้อมเปรียบเทียบประกันรถยนต์ และเช็คเบี้ยได้ง่ายๆ ที่ www.pocketbylmg.com หรือโทร. 02-302-7788 เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับแผนประกันที่ตอบโจทย์ในราคาที่คุ้มค่า