รถเก่าซื้อประกันแบบไหนดี? ต่ออายุประกันรถยนต์แบบคุ้มค่า

ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้การซื้อรถมือสองไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แม้จะนับว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงแต่ด้วยความจริงที่ว่ารถยนต์ ยิ่งอยู่นาน ราคายิ่ง “ลด” ดังนั้นการหันมาเลือกใช้รถมือสองจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ใครหลายคนที่ไม่ต้องการเปลี่ยนรถบ่อยๆ ทั้งนี้ การใช้รถเก่าหรือรถมือสองอาจมีข้อจำกัดในเรื่องประกันภัย

Pocket จึงได้นำข้อมูลเปรียบเทียบประกันรถยนต์ออนไลน์มาฝากกัน สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถมือสอง หรืออยากต่ออายุประกันรถเก่าให้คุ้มค่า มาหาคำตอบกันได้ในบทความนี้

รถเก่าซื้อประกันแบบไหนดี? ต่ออายุประกันรถยนต์แบบคุ้มค่า

รถมือสอง VS รถเก่า คืออะไร?

รถมือสอง คือ รถยนต์ที่ผ่านการมีเจ้าของ หรือเปลี่ยนมือมาแล้วมากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามเต็นท์รถมือสอง หรือตัวแทนจัดจำหน่ายรถใหม่ โดยอาจมีหรือไม่มีการรับประกันเพิ่มเติมให้ก็ได้ (ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละแห่ง) 

ส่วน รถเก่า คือ รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป แต่ไม่จำกัดว่าจะผ่านการมีเจ้าของหรือเปลี่ยนมือมาแล้วกี่ครั้ง โดยรถเก่าแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้ออาจมีอายุการใช้งานแตกต่างกันและไม่มีการจำกัดคำนิยามของคำว่ารถเก่าไว้ตายตัว 

ซื้อประกันรถยนต์กับ Pocket คุ้มค่าสุดๆ

ประกันรถยนต์ ประกันรถมือสอง ประกันรถเก่า ถูก หรือแพง ดูจากอะไร?

ประกันรถยนต์สำหรับรถแต่ละคัน แต่ละยี่ห้อนั้นมีราคาไม่เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นประกันรถมือสอง รถเก่า หรือรถใหม่ โดยทั่วไปบริษัทประกันภัยจะพิจารณาค่าเบี้ยประกันจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่

1. ยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ 

อันดับแรก บริษัทประกันจะทำการพิจารณาตามมูลค่าของรถยนต์ ซึ่งรถเก่าและรถยนต์รุ่นที่หายากอาจมีค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้น  เนื่องจากอาจมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงสูงและมีความเสี่ยงในการถูกขโมยมากกว่า  หรืออีกอย่างหนึ่งคือ ยิ่งรถมีมูลค่าสูง หรือหาอะไหล่ได้ยากมากเท่าไหร่ เบี้ยประกันก็จะมีราคาที่มากกว่า

2. อายุและเพศของผู้เอาประกัน

บริษัทประกันจะใช้สถิติในการคำนวณเบี้ยประกัน โดยเพศชายจะมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าเพศหญิง โดยเฉพาะผู้ที่มีช่วงอายุต่ำกว่า 25 ปี มักจะมีแนวโน้มในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าช่วงอายุอื่นๆ เนื่องจากมีประสบการณ์ในการขับขี่น้อยกว่า ดังนั้นบริษัทประกันจะพิจารณาว่าผู้ขับขี่ในกลุ่มนี้จะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเคลมประกันในอนาคต ทำให้คำนวณค่าเบี้ยประกันออกมาสูงกว่านั่นเอง

3. ประวัติในการขับขี่

เจ้าของรถผู้ขับขี่ที่มีประวัติการเคลมประกันเคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน หรือผู้ที่ขับขี่รถอย่างไม่ระมัดระวัง บริษัทประกันจะพิจารณาว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเคลมประกันในอนาคต ค่าเบี้ยประกันจึงสูงกว่าผู้ขับขี่ที่ไม่เคยเคลมประกัน หรือไม่เคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน ในอีกมุมหนึ่งผู้ที่ขับขี่รถอย่างปลอดภัยหรือไม่เคยเคลมประกัน อาจได้ส่วนลดค่าเบี้ย ขึ้นอยู่กับนโยบายและข้อกำหนดของบริษัทประกันภัย

4. พื้นที่ในการขับขี่

บริษัทประกันอาจพิจารณาค่าเบี้ยจากการใช้รถใช้ถนนเพิ่มเติม หากพื้นที่ที่มีการจราจรแน่นหนา เช่น กรุงเทพฯ หรือพื้นที่ในตัวเมือง ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้สูงกว่าพื้นที่ที่มีการสัญจรน้อยอย่างเช่นในพื้นที่ห่างไกล อาจมีการคิดคำนวณดอกเบี้ยที่มากกว่า

5. แพ็คเกจการคุ้มครองเสริม 

แพ็คเกจเสริมอาจส่งผลต่อราคาสุทธิที่ผู้เอาประกันต้องชำระเมื่อซื้อประกัน ยกตัวอย่างเช่น การคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล การประกันตัวผู้ขับขี่ ฯลฯ ซึ่งกรมธรรม์เสริมเป็นความคุ้มครองที่เพิ่มเติมเข้ามาจากกรมธรรม์หลัก ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจและความคุ้มครองในกรณีเฉพาะตามความต้องการของผู้เอาประกัน

6. ประเภทของประกันภัยรถยนต์ 

แน่นอนว่าประกันแต่ละประเภทนั้นย่อมมีราคาที่แตกต่างกัน ซึ่งมอบความคุ้มครองที่ต่างกันด้วยนั่นเอง

  • ประกันภัยชั้น 1 เป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกอุบัติเหตุ การโจรกรรม รวมถึงภัยธรรมชาติ แต่ก็มีราคาที่สูงกว่าประกันชั้นอื่น
  • ประกันภัยชั้น 2+ มอบตัวเลือกความคุ้มครองที่ลดหลั่นลงมาจากประกันภัยชั้น 1 เช่น อุบัติเหตุเฉพาะกรณีที่มีคู่กรณี รถหาย ไฟไหม้ และน้ำท่วม เบี้ยประกันจึงมีราคาถูกกว่าประกันภัยชั้น 1
  • ประกันภัยชั้น 3+ เป็นประกันภัยที่มีเบี้ยประกันถูกที่สุดแต่ในทางกลับกันก็ให้ความคุ้มครองเฉพาะความรับผิดต่อบุคคลภายนอก การบาดเจ็บและความเสียหายต่อทรัพย์สินเท่านั้น

ตารางเปรียบเทียบประกันรถยนต์

เมื่อพอทราบถึงปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อราคาเบี้ยประกันภัยแล้ว อันดับต่อมาคือการทำความเข้าใจประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภทว่า ให้คุ้มครองครอบคลุมถึงกรณีใดบ้าง เพื่อให้สามารถเลือกประกันรถมือสองหรือประกันรถเก่าได้ตรงตามโจทย์การใช้งาน และความต้องการ มาดูตารางเปรียบเทียบประกันรถยนต์กันว่าประกันรถยนต์แต่ละชั้น ต่างกันอย่างไร

ตารางเปรียบเทียบประกันรถยนต์ Pocket by LMG
รายละเอียดความคุ้มครอง ประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ประกันรถยนต์ชั้น 3+
ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก      
- ชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย
- ทรัพย์สิน
ความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย      
- อุบัติเหตุส่วนบุคคล 
- ค่ารักษาพยาบาล
- ประกันตัวผู้ขับขี่ 
ความเสียหายต่อรถยนต์      
- รถยนต์สูญหาย/ไฟไหม้ -
- การชนกับยานพาหนะทางบก
- น้ำท่วม - -

ความคุ้มครองประกันรถยนต์แบบไหนที่เหมาะกับคุณ?

พอทราบรายละเอียดความคุ้มครองเบื้องต้นกันไปแล้ว Pocket ก็มีเคล็ดลับการซื้อประกันรถยนต์อย่างเหมาะสมมาฝาก ดังนี้

ประกันภัยชั้น 1  ประกันภัยชั้น 2+  ประกันภัยชั้น 3+ 
ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกอุบัติเหตุ ทุกกรณี ให้ความคุ้มครองครอบคลุม ยกเว้นการชนแบบไม่มีคู่กรณี และกรณีน้ำท่วม ให้ความคุ้มครองจากอุบัติเหตุบนท้องถนนแบบมีคู่กรณี แต่ไม่รวมรถสูญหาย ไฟไหม้ และน้ำท่วม
เหมาะกับใคร?

- รถใหม่ป้ายแดง

- รถที่มีมูลค่าสูง

- รถเก่าที่หายาก

- รถมือสอง

- รถเก่าอายุเกิน 7 ปี 

- รถมือสอง

- รถเก่าอายุเกิน 7 ปี

- ผู้ขับขี่มือใหม่

- อายุน้อย

- มีประสบการณ์การขับขี่น้อย

- ผู้ขับขี่ที่มีความระมัดระวัง หรือมีประสบการณ์บนท้องถนน

- มักจอดรถในที่สาธารณะเป็นประจำ

- ผู้ขับขี่ที่ค่อนข้างระมัดระวังสูง

ผู้ขับขี่ที่ใช้รถใช้ถนนเป็นประจำทุกวัน ผู้ขับขี่ที่ใช้รถใช้ถนนไม่บ่อยนัก ผู้ขับขี่รถยนต์นานๆ ครั้ง

 

หากใครยังสงสัยอยู่ว่ารถเก่าซื้อประกันแบบไหนดี ในการเลือกซื้อประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ หรือรถเก่า ก็ควรพิจารณาถึง ประเภทและความคุ้มครองของประกัน ยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ ลักษณะการใช้งาน พื้นที่ที่ขับขี่ รวมถึงความคุ้มครองเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้ตัดสินใจเลือกประกันภัยที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานได้มากที่สุด สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ ต้องการต่ออายุประกัน หรือต้องการเช็คเบี้ย สามารถดูแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ และเช็คเบี้ยได้ง่ายๆ ที่ www.pocketbylmg.com/ หรือ โทร. 02-302-7788 เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับแผนประกันที่ตอบโจทย์ในราคาที่คุ้มค่า

รับฟรีโค้ดเติมน้ำมัน

ปรึกษาพร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพียงฝากข้อมูลของคุณด้านล่าง