แนะนำวิธีการดูแลรถยนต์เก่า อุ่นใจปลอดภัยทุกเส้นทาง

รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันมักมาพร้อมกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากมายที่ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายมากขึ้น ประกอบกับดีไซน์ทันสมัยที่ครองใจผู้ใช้รถใช้ถนนหลายคน เชื่อว่าหลายคนก็คงชื่นชอบรถยนต์เก่าหรือรถคลาสสิกไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะด้วยเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ หรือความทรงจำที่มีกับรถคันนั้นๆ ถึงแม้รถเก่าจะน่าหลงใหล แต่เมื่อใช้งานเป็นเวลานานก็ย่อมมีการเสื่อมสภาพ ดังนั้นเจ้าของรถจึงควรรู้จักการดูแลรักษารถยนต์เก่าอย่างถูกวิธี เพื่อช่วยให้รถยังคงสภาพดี ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย และมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่ไม่สูงเกินไป

แนะนำวิธีการดูแลรถยนต์เก่า อุ่นใจปลอดภัยทุกเส้นทาง

ทำไมการดูแลรถเก่าจึงสำคัญ?

สำหรับรถที่มีอายุเกิน 8-10 ปี การเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนต่างๆ ถือเป็นเรื่องปกติ หากไม่มีวิธีดูแลรถเก่าที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ที่ต้องใช้เงินซ่อมแพง นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย Pocket จึงขอมาแนะนำเทคนิคดูแลรถเก่า 4 จุดสำคัญ เพื่อความอุ่นใจในการขับขี่รถยนต์

เทคนิคการดูแลรักษารถยนต์เก่าให้ใช้งานได้ยาวนาน

ในการดูแลรถยนต์เก่า เจ้าของรถควรที่จะตรวจสอบชิ้นส่วนแต่ละจุดที่อาจเสื่อมสภาพจากการใช้งาน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 จุดควรสังเกต ดังนี้

1. ระบบเครื่องยนต์

การบำรุงรักษารถยนต์เก่าต้องเริ่มจากระบบเครื่องยนต์เป็นอันดับแรก ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ ไม่ว่ารถจะใช้งานบ่อยหรือไม่ เมื่อรถมีอายุถึงจุดหนึ่ง ก็จำเป็นต้องตรวจสอบเครื่องยนต์ทั้งระบบอย่างละเอียด โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นที่ควรตรวจสอบ ได้แก่ 

  • ระบบไฟฟ้าในตัวรถ - ตรวจสอบระบบไฟฟ้าทั้งหมด โดยเฉพาะสายไฟที่อาจเปราะหรือฉนวนหุ้มสายแตกร้าว ให้สังเกต สายไฟหลักและสายไฟย่อยว่ามีรอยผุกร่อนหรือไม่ ขั้วแบตเตอรี่ควรสะอาดไม่มีสนิมเกาะ ไฟส่องสว่างต่างๆ ทำงานครบทุกดวง ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย และไฟเลี้ยว
  • ระบบลูกสูบ - ลูกสูบและกระบอกสูบเป็นส่วนสำคัญในการเผาไหม้เชื้อเพลิง ในรถเก่าอาจมีปัญหา เช่น การสึกหรอของแหวนลูกสูบ ทำให้น้ำมันเครื่องรั่วไหล กระบอกสูบเสื่อมสภาพจากการใช้งาน เกิดควันไอเสียเป็นสีดำหรือสีขาว เป็นต้น
  • ระบบหัวฉีดน้ำมัน - เมื่อใช้งานรถยนต์ต่อเนื่องหลายปี หัวฉีดอาจอุดตันจนทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นควรล้างหัวฉีดเป็นระยะเพื่อขจัดคราบตะกรัน เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกำหนด และคอยหมั่นสังเกตอาการ เช่น รถสตาร์ทติดยาก หรือเครื่องยนต์สั่นมากกว่าปกติ
  • ระบบชาร์จและไดสตาร์ท - แบตเตอรี่และระบบสตาร์ทในรถเก่ามักมีปัญหาหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่เสื่อมสภาพจนไม่สามารถสตาร์ทรถได้ หรือระบบชาร์จไฟไม่ทำงาน ชุดเฟืองไดสตาร์ทเสีย ซึ่งล้วนทำให้ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้

2. ระบบเกียร์

ระบบเกียร์มีความสัมพันธ์กับเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนรถให้เคลื่อนที่อย่างราบรื่น ซึ่งในรถยนต์เก่าอาจมีทั้งระบบเกียร์ธรรมดา (Manual Transmission) หรือเกียร์อัตโนมัติ (Automatic Transmission) โดยส่วนใหญ่ในรถที่มีอายุ ชิ้นส่วนที่มักเกิดปัญหาหรือเสื่อมสภาพ ได้แก่ เฟืองเกียร์ โซลินอยด์เกียร์ และแผ่นคลัตช์เกียร์ ที่มีอยู่ในระบบเกียร์ทั้งสองประเภท หากสึกหรอก็ควรเปลี่ยนทันที รวมถึงควรหมั่นดูแลรักษา เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามกำหนด และตรวจสอบระดับการสึกของแผ่นคลัตช์ร่วมด้วย เพื่อให้การเปลี่ยนเกียร์ราบรื่น และป้องกันปัญหาขณะขับขี่

3. ชุดเพลาและช่วงล่างของรถยนต์

อีกหนึ่งส่วนที่มองไม่เห็นในการบำรุงรักษารถยนต์เก่า แต่มีความสำคัญอย่างยิ่ง คือ ชุดเพลาและช่วงล่าง ซึ่งควรตรวจสอบและบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพดี ไม่ว่าจะเป็นรถเก่าที่ใช้งานบ่อย หรือไม่ค่อยได้ขับขี่ก็ตาม โดยควรตรวจสอบชิ้นส่วนต่างๆ ในชุดเพลาทั้งหมด เช่น ดุมเพลาที่เชื่อมไปยังแกนล้อ ตลับลูกปืน โช๊คอัพ สปริง และแร็คพวงมาลัย พร้อมหล่อลื่นชิ้นส่วน และคอยสังเกตสนิมตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่หลายคนต้องขับรถลุยน้ำ หรือขับรถระหว่างฝนตกบ่อยๆ 

4. ยางรถยนต์และซีลยางรอบคันรถ

ชิ้นส่วนยางต่างๆ มักอยู่มองข้าม เพราะส่วนใหญ่มักมีอายุการใช้งานยาวนาน หรืออาจเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ที่สังเกตได้ยาก เริ่มจากยางล้อรถยนต์ที่เป็นชิ้นส่วนหลักที่สัมผัสกับพื้นถนน ควรตรวจสอบดอกยาง การแตกลายงา และปัญหาลมยางรั่ว โดยเฉพาะรถเก่าที่มักจอดไว้เฉยๆ เนื่องจากยางอาจเสื่อมสภาพ ซึ่งควรเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด หากยางไม่สามารถใช้งานได้ปกติ 

ชิ้นส่วนยางต่อมาที่ควรตรวจสอบ คือ ประเก็นน้ำมันและยางโอริงในห้องเครื่อง ที่มีหน้าที่สำคัญในการป้องกันการรั่วไหลของของเหลวต่างๆ เช่น ประเก็นฝาครอบวาล์ว ประเก็นปั๊มน้ำหล่อเย็น ยางโอริงต่างๆ ในระบบไฮดรอลิก และยางซีลเพลาขับ นอกจากห้องเครื่องและช่วงล่าง ซีลยางตามขอบประตูและหน้าต่างรถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน โดยตรวจสอบยางซีลประตูว่าแตกหรือแข็งตัวไหม ควรทำความสะอาดยางและใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงยางซีลเป็นระยะๆ และเปลี่ยนยางซีลที่ชำรุดทันทีเพื่อป้องกันปัญหา เช่น น้ำซึมเข้าในรถเวลาฝนตก เสียงลมเข้ามาในห้องโดยสาร หรือฝุ่นละอองเข้าในรถมากเกินไป

แนวทางการดูแลรถยนต์เก่า เพื่อยืดอายุการใช้งาน

นอกเหนือจากการตรวจสอบ การซ่อมบำรุง และเปลี่ยนอะไหล่ที่เสื่อมสภาพในรถยนต์เก่า ในขณะใช้งานประจำวัน ก็ควรหมั่นดูแลรถยนต์ด้วยเช่นกัน เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ให้ยาวนานขึ้น และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว

  • หมั่นตรวจสภาพรถ - เจ้าของรถสามารถนำไปตรวจสภาพที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก หรือหน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะก่อนต่อภาษีรถยนต์ เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์ยังสามารถใช้ขับขี่ได้ตามปกติ
  • ตรวจเช็คของเหลวในเครื่องยนต์ - ในการดูแลรถยนต์เก่าที่ใช้งานเป็นประจำหรือใช้งานหนัก เป็นปกติที่ความร้อนสะสมของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ จะส่งผลให้ของเหลวระเหยเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ น้ำในหม้อน้ำ น้ำกลั่นในแบตเตอรี่ รวมถึงน้ำฉีดกระจก ซึ่งควรตรวจเช็กอยู่บ่อยๆ และเติมของเหลวที่สามารถเติมได้เอง หรือนำเอาอู่ซ่อมเมื่อถึงระยะเปลี่ยนถ่ายของเหลว
  • คอยสังเกตอาการของรถยนต์ - เนื่องจากรถยนต์มีส่วนประกอบมากมายที่อาจเสียหายหรือเสื่อมสภาพโดยที่สังเกตเห็นด้วยตาได้ยาก ซึ่งหนึ่งแนวทางการบำรุงรักษารถยนต์เก่าอย่างมีประสิทธิภาพ คือ การสังเกตอาการต่างๆ ของรถยนต์ เช่น เครื่องยนต์กระตุกขณะเร่งเครื่อง เพลารถเกิดเสียงดังขณะเลี้ยว ล้อส่งเสียงขณะเบรก เป็นต้น และควรนำรถเข้าศูนย์ซ่อม หรือแจ้งช่างเพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาทันที
  • หลีกเลี่ยงการจอดรถกลางแดด - รถยนต์คันเก่าย่อมต้องการการดูแลเป็นพิเศษ จึงควรหลีกเลี่ยงการจอดรถในจุดที่มีแสงแดดส่องเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้รถเกิดความเสียหายในหลายๆ จุด ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ชิ้นส่วนยาง หรือชั้นเคลือบสีของรถถูกทำลาย แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนะนำให้ใช้ผ้าคลุมรถยนต์แทน

การดูแลรักษารถยนต์เก่า ให้ใช้งานได้ยาวนานและปลอดภัยไม่ใช่เรื่องยาก เพียงหมั่นตรวจสอบสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ แล้วต้องไม่ลืมที่จะทำประกันรถยนต์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นประเภทใด รถเก่าที่มีอายุ 10 ปีก็สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับสภาพรถยนต์ รุ่นรถยนต์ และเงื่อนไขของบริษัทประกันภัย ซึ่งการซื้อประกันรถยนต์ที่เหมาะกับรถเก่า จึงเป็นอีกหนึ่งเคล็ดไม่ลับที่จะช่วยมอบความสบายใจในการใช้รถใช้ถนนมากยิ่งขึ้น

Pocket by LMG นำเสนอแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ที่หลากหลาย ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, 2+ และ 3+ เรายินดีให้คำปรึกษาและแนะนำแผนประกันที่เหมาะสม เพื่อให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปอย่างอุ่นใจ สามารถดูแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ พร้อมเปรียบเทียบประกันรถยนต์ และเช็คเบี้ยได้ง่ายๆ ที่ www.pocketbylmg.com/ หรือโทร. 02-302-7788 เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับแผนประกันที่ตอบโจทย์ในราคาที่คุ้มค่า

ปรึกษาพร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพียงฝากข้อมูลของคุณด้านล่าง