การขับขี่รถยนต์อย่างถูกกฎหมายนั้นต้องเริ่มจากการมีใบขับขี่ ซึ่งใบขับขี่ล้วนมีวันหมดอายุ แต่หลายคนอาจยุ่งหรือลืมไป พอรู้ตัวอีกทีก็ใกล้ถึงวันหมดอายุ หรือเห็นว่าใบขับขี่หมดอายุไปแล้ว แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะ Pocket จะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการต่อใบขับขี่รถยนต์ 2568 แบบอัปเดตล่าสุด ที่จะช่วยคลายข้อสงสัย ให้คุณต่อใบขับขี่ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว พร้อมแนะนำการต่อภาษีและประกันภัยรถยนต์เบื้องต้น

ใบขับขี่หมดอายุ เตรียมตัวอย่างไร
อันดับแรกก่อนไปต่อใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่ง ควรเตรียมเอกสารต่างๆ ให้พร้อม โดยเอกสารสำคัญที่ต้องเตรียมให้ครบมีด้วยกัน 3 อย่าง ได้แก่
1. บัตรประชาชนตัวจริง
2. ใบขับขี่เดิม (ที่หมดอายุหรือใกล้ถึงวันหมดอายุ)
3. ใบรับรองแพทย์ ที่ออกให้ไม่เกิน 1 เดือน
แต่เดิม ผู้ที่ต้องการต่อใบขับขี่จำเป็นต้องเตรียมเอกสาร และเดินทางไปยังสำนักงานขนส่งที่ใกล้ที่สุด เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่และดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง DLT e-Learning สำหรับอบรมใบขับขี่ออนไลน์ และ DLT Smart Queue สำหรับจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการตรวจสอบ นัดวันเวลา และดูสถานะการดำเนินการต่อใบขับขี่ได้ง่ายขึ้น
ขั้นตอนต่อใบขับขี่ออนไลน์ สะดวกสบาย ไม่ยุ่งยาก
ในการต่อใบขับขี่รถยนต์ 2568 ผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถดำเนินการได้ง่ายๆ เพียง 5 ขั้นตอน ดังนี้
1. เตรียมเอกสารสำหรับต่อใบขับขี่ออนไลน์
เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ได้กล่าวไปข้างต้น คือ บัตรประชาชนตัวจริง ใบขับขี่เดิม และใบรับรองแพทย์ (อายุไม่เกิน 1 เดือน) ซึ่งทั้งหมดเป็นเอกสารที่ต้องใช้เพื่อยื่นต่อเจ้าหน้าที่
2. เข้าอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์
สำหรับผู้ที่ถือใบขับขี่ 5 ปี และต้องการต่ออีก 5 ปี จำเป็นต้องเข้ารับการอบรมจากกรมขนส่งทางบก ซึ่งสามารถอบรมออนไลน์ได้ผ่าน DLT e-Learning ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนผู้ที่มีใบขับขี่ชั่วคราว (2 ปี) และต้องการต่อเป็น 5 ปี สามารถไปยังสำนักงานขนส่งและดำเนินการต่อใบขับขี่ตามขั้นตอนได้เลย
3. จองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์
สามารถจองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หน้าเว็บไซต์ gecc.dlt.go.th/ หรือสำหรับใครที่ไม่สะดวก ก็สามารถ Walk-In เข้ารับบริการที่สำนักงานขนส่งได้เช่นกัน
4. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
ผู้ขับขี่สามารถเดินทางไปยังสำนักงานขนส่งในสาขาที่ใกล้เคียง เพื่อเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพร่างกายก่อนออกใบขับขี่ โดยเจ้าหน้าที่จะทำการทดสอบทั้งหมด 4 รายการ ดังนี้
- ทดสอบการมองเห็นสีที่จำเป็นในการขับรถ (เขียว เหลือง แดง)
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฏิกิริยาเท้า ในการเหยียบเบรกหลังเห็นสัญญาณไฟจราจร
5. ชำระค่าธรรมเนียมและออกใบขับขี่รถยนต์
หลังผ่านทดสอบสมรรถภาพร่างกายและยื่นเอกสารครบถ้วน ขั้นตอนต่อมาคือการถ่ายรูปเพื่อพิมพ์ใบขับขี่ใหม่ และชำระค่าธรรมเนียมตามกำหนด ดังนี้
- ใบขับขี่รถยนต์ 5 ปี ค่าธรรมเนียม 500 บาท และค่าคำขอ 5 บาท
- ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ 5 ปี ค่าธรรมเนียม 250 บาท และค่าคำขอ 5 บาท
ใบขับขี่หมดอายุ มีโทษอะไรบ้าง
ทางเลือกที่ดีที่สุดในการต่อใบขับขี่ คือ การต่ออายุล่วงหน้า ซึ่งสามารถทำได้ 3 เดือนก่อนที่จะถึงวันหมดอายุ เพื่อลดความกังวล ทั้งนี้ ในกรณีที่ใบขับขี่หมดอายุแล้ว อาจมีโทษตามพรบ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 65 คือ ใบขับขี่หมดอายุ หรือถูกยึดใบขับขี่ มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ข้อควรรู้เมื่อใบขับขี่หมดอายุ
เกณฑ์การทำใบขับขี่ใหม่หลังใบขับขี่เดิมหมดอายุนั้นจะแตกต่างกันไปตามประเภทของบัตร และระยะเวลาหลังจากบัตรหมดอายุ ซึ่งยิ่งปล่อยไว้นาน กฎเกณฑ์ในการต่ออายุก็ยิ่งมีขั้นตอนที่เพิ่มมากขึ้น
-
ใบขับขี่ชั่วคราว (2 ปี)
กรณีที่ใบขับขี่ชั่วคราวหมดอายุเกิน 1 วัน แต่ไม่ถึง 1 ปี ไม่จำเป็นต้องอบรมใหม่ ส่วนกรณีที่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องอบรมต่อใบขับขี่ที่ขนส่งเป็นเวลา 5 ชั่วโมง และสอบข้อเขียนใหม่ แต่หากหมดอายุเกิน 3 ปี จำเป็นต้องอบรมต่อใบขับขี่ที่ขนส่ง 5 ชั่วโมง สอบข้อเขียน และสอบขับรถ คล้ายกับการทำใบขับขี่ใหม่ทั้งหมด
-
ใบขับขี่ทั่วไป (5 ปี)
หากใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 วัน แต่ไม่ถึง 1 ปี ต้องอบรมใบขับขี่ออนไลน์ 1 ชั่วโมง แต่ถ้าหมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี จำเป็นต้องอบรมใบขับขี่ออนไลน์เป็นเวลา 2 ชั่วโมง และสอบข้อเขียนใหม่ กรณีใบขับขี่ 5 ปี หมดอายุเกิน 3 ปี ต้องอบรมต่อใบขับขี่ 2 ชั่วโมง พร้อมสอบข้อเขียน และสอบขับรถใหม่
โดยผู้ขับขี่สามารถติดตามสถานะการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ได้ผ่าน DLT e-Learning และแคปหน้าจอไว้เป็นหลักฐาน เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่เมื่อต้องต่อใบขับขี่
การต่อใบขับขี่เป็นหนึ่งในความรับผิดชอบสำคัญของผู้ขับขี่ทุกคน ซึ่งในปัจจุบันสามารถดำเนินการได้สะดวกผ่านระบบออนไลน์ เมื่อได้รู้การต่อใบขับขี่รถยนต์อัปเดตล่าสุดกันไปแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ขับขี่ไม่ควรมองข้ามคือการทำ ประกันรถยนต์ เพื่อความปลอดภัยและความอุ่นใจในการใช้รถใช้ถนน ป้องกันความเสี่ยงและสร้างความคุ้มครองให้กับตัวคุณเองและบุคคลอื่น โดยเฉพาะในยุคที่การจราจรหนาแน่นและมีความเสี่ยงสูงบนท้องถนน ประกันรถยนต์ จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ทั้งความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน
ในปัจจุบันการซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์สามารถทำได้ง่ายๆ หรือจะทำพร้อมต่อภาษีรถยนต์ก็ทำได้เช่นกัน โดย Pocket พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำแผนประกันที่เหมาะกับคุณ ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, ชั้น 2+ และชั้น 3+ เพื่อให้คุณขับขี่บนท้องถนนอย่างอุ่นใจ
สามารถดูแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ และเช็คเบี้ยได้ง่ายๆ ที่ www.pocketbylmg.com/ หรือ โทร. 02-302-7788 เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับแผนประกันที่ตอบโจทย์ในราคาที่คุ้มค่า