เชื่อว่าผู้ขับขี่ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าการตรวจสภาพรถนั้นเป็นสิ่งจำเป็น แต่จะจำเป็นมากแค่ไหน เช็คระยะรถแต่ละครั้งควรตรวจอะไรบ้าง เรามีคำตอบพร้อมเช็คลิสต์มาฝาก รวมไปถึงประโยชน์ของการตรวจสภาพรถ ที่คนรักรถรู้ไว้ รับรองได้เปรียบชัวร์!
การนำรถเช็คระยะจำเป็นมากแค่ไหน? ทำไมถึงควรตรวจสภาพรถยนต์
แน่นอนว่าคำตอบคือ จำเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าของรถทุกคนควรนำรถเข้ารับบริการตรวจสภาพรถ เพราะนอกเหนือจากการนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจสภาพรถตามพระราชบัญญัติรถยนต์ เมื่อรถของคุณมีอายุการใช้งานครบตามจำนวนปีที่ พ.ร.บ. กำหนดแล้ว สำหรับทั้งรถเก่าและใหม่ บริการเช็คระยะ ตรวจสภาพรถจะทำให้รู้ว่า รถมีความผิดปกติตรงไหน มีจุดใดที่สึกหรอ เสื่อมสภาพ ต้องทำการซ่อมบำรุงโดยช่างผู้เชี่ยวชาญบ้าง ซึ่งหลายครั้งเราอาจมองไม่ออกด้วยตาเปล่า ไม่มีสัญญาณให้รู้ล่วงหน้าเมื่อรถมีความผิดปกติ ซึ่งหากปล่อยไว้อาจเสี่ยงอันตรายได้ ดังนั้นการนำรถเข้าเช็คระยะจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด และในปัจจุบัน ก็มีศูนย์บริการตรวจสภาพรถมากมายที่ให้บริการครอบคลุม ตรงจุด การนัดหมายตรวจสภาพรถจึงไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด
เมื่อไหร่ที่ต้องนำรถเข้ารับบริการเช็คระยะรถยนต์
โดยปกติแล้วหลังออกรถใหม่ ศูนย์บริการรถยนต์มักจะกำหนดระยะเวลาที่เจ้าของรถควรนำรถเข้าศูนย์ตรวจสภาพรถยนต์ พร้อมเงื่อนไขการรับประกันต่างๆ เอาไว้ในคู่มือรับประกัน ซึ่งข้อนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของรถในแง่ที่ว่า หากตรวจสภาพรถในช่วงเวลาที่กำหนด ศูนย์บริการรถยนต์สามารถทำเรื่องเคลมประกันให้เจ้าของรถตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ได้เลย
แต่ถ้ามองในภาพรวม ช่วงเวลาที่ควรนำรถยนต์เข้าเช็คระยะ สามารถนับได้ 2 แบบ คือ นับจากระยะเวลาที่ออกรถ หรือนับจากระยะทางที่ใช้งานตามเลขไมล์ ซึ่งส่วนใหญ่แนะนำให้นำรถเข้าเช็คระยะทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับว่าข้อใดถึงก่อน แล้วแต่ว่าแต่ละคนใช้งานรถมากน้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม หากไม่สะดวกตรวจสภาพรถตามระยะเวลาที่กำหนด แล้วขับขี่เกินระยะทางดังกล่าว ก็ต้องยอมรับว่าอาจส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์หรืออะไหล่ต่างๆ รวมถึงส่งผลต่อการรับประกันรถยนต์ได้
เช็คลิสต์รายการเช็คระยะรถในแต่ละครั้งเช็คอะไรบ้าง
การเช็คระยะรถยนต์ ไม่ใช่แค่การเช็คระยะตรงตัว แต่หมายถึงการตรวจสภาพรถเกือบทั้งหมด ทั้งเครื่องยนต์ อะไหล่ องค์ประกอบต่างๆ ของรถ ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งการนำรถเข้าศูนย์แต่ละครั้ง อาจมีจำนวนรายการตรวจสภาพรถแตกต่างกันไปบ้าง ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ออกรถคันนั้นๆ ระยะทางที่ใช้งานตามที่กล่าวไปแล้ว และยังรวมถึงระยะห่างที่ตรวจสภาพรถครั้งล่าสุด หรือแบรนด์ของรถอีกด้วย แต่สามารถลิสต์รายการเช็คระยะรถยนต์ออกมาได้หลักๆ ดังนี้
1 - 6 เดือน หรือเมื่อครบ 5,000 กิโลเมตร
- ยางรถยนต์ พร้อมการตั้งศูนย์ล้อ
- ระบบจานเบรกและผ้าเบรกหน้า
- การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง
6 - 12 เดือน หรือทุกๆ 10,000 กิโลเมตร
- การสลับยางและการถ่วงล้อ
- ระบบจานเบรกและผ้าเบรก (หน้า - หลัง) พร้อมตรวจการรั่วซึมของท่อและสายน้ำมันเบรก
- ระบบคลัตช์ พร้อมตรวจดูการรั่วซึมของท่อและสายน้ำมันคลัตช์
- ระบบช่วงล่าง อัดจารบีเพิ่มเติม
- โช้คอัป หน้า-หลัง
- น้ำมันเครื่องและไส้กรอง
- ที่ปัดน้ำฝนและที่ฉีดน้ำล้างกระจก
12 - 24 เดือน หรือทุกๆ 20,000 กิโลเมตร
- การตั้งศูนย์ ล้างห้องเครื่อง
- น้ำมันเกียร์ ระบบเกียร์ธรรมดา
- สายพานขับและสายพานเครื่องยนต์
- ระบบบังคับเลี้ยว สายพานพวงมาลัยพาวเวอร์
- ระบบคันชักคันส่ง ลูกหมาก ยางกันฝุ่น
24 เดือนขึ้นไป หรือครบ 40,000 กิโลเมตร
- น้ำมันเบรก
- น้ำมันคลัตช์
- น้ำมันพวงมาลัย
- น้ำมันเกียร์ออโต
- น้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์
- ระบบกรองอากาศ
- ระบบหัวเทียนแบบทั่วไป
ประโยชน์ของการเช็คระยะรถยนต์สม่ำเสมอ
การเช็คระยะ ตรวจสภาพรถเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรถยนต์ทุกคัน หากคุณนำรถยนต์ที่คุณรักเช็คระยะเป็นประจำ บอกเลยว่าได้ประโยชน์ในหลายๆ ด้าน ดังนี้
- สร้างความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
เมื่อรถอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมสำหรับการขับขี่ จะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นต่อรถของคุณและรถคันอื่นๆ บนท้องถนน หากเช็คระยะรถยนต์เป็นประจำ เมื่อพบว่าระบบต่างๆ เครื่องยนต์ ชิ้นส่วน อะไหล่ใดของรถเสื่อมสภาพ สึกหรอ จะสามารถซ่อมบำรุงให้เป็นปกติหรือเปลี่ยนใหม่ได้ทันที ดังนั้น ป้องกันไว้ตั้งแต่ต้นดีที่สุด
- สร้างความมั่นใจและอุ่นใจขณะขับขี่
รถที่ได้รับการตรวจสภาพรถเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าเดินทางไปไหน ก็จะช่วยสร้างความมั่นใจในการขับขี่ คลายกังวลได้ทั้งคนขับและผู้โดยสารตลอดการเดินทาง แต่ต้องไม่ลืมว่า ถึงจะเตรียมรถพร้อมแล้ว แต่การมีสติ ไม่ประมาท และขับขี่ตามกฎจราจร เป็นสิ่งที่ต้องตระหนักไว้เช่นเดียวกัน
- ช่วยชะลอความเสื่อมสภาพ ยืดอายุการใช้งานของรถ
รถทุกคัน เมื่อใช้งานไปนานๆ แล้วไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร นานวันเข้าย่อมเสื่อมสภาพ การตรวจสภาพรถจึงเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของรถยนต์ในหลายๆ จุด ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้นานขึ้น
- รถยนต์ทำงานได้เต็มที่ เครื่องยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ทำให้ขับขี่ได้คล่องขึ้น เต็มสมรรถนะ นอกจากนั้น ยังเป็นการช่วยประหยัดน้ำมันอีกด้วย และยิ่งเครื่องยนต์ทำงานได้ดี ส่งเสริมซึ่งกันและกันกับระบบอื่นๆ ของรถ ก็เหมือนคุณกำลังขับรถคันใหม่ในทุกๆ วัน
- แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย งบไม่บานปลาย
หากเช็คระยะรถยนต์ตามระยะที่กำหนด จุดที่ต้องซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนอะไหล่มักจะมีไม่มาก ทำให้เสียค่าบริการน้อยกว่านานๆ ทีตรวจสภาพรถแน่นอน เพราะถ้ารอทีเดียว รถของคุณอาจจะเสื่อมสภาพ มีชิ้นส่วนผุพัง ต้องแก้ไขยกชุด รวมไปถึงรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ตามที่ช่างตรวจสอบอีก ดังนั้น การตรวจสภาพรถสม่ำเสมอ จะช่วยเซฟเงินในกระเป๋า แบ่งเบาภาระได้มากกว่า
คงได้คำตอบแล้วว่า การตรวจสภาพรถจำเป็นและมีประโยชน์มากขนาดไหน แต่สำหรับคนรักรถ จะมั่นใจได้มากกว่า หากทำประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ Pocket by LMG ประกันรถที่พร้อมดูแลทั้งคุณและรถคู่ใจหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน อีกทั้งยังมีอู่และศูนย์ซ่อมที่ได้มาตรฐานกว่า 1,800 แห่งทั่วประเทศ เชื่อใจได้ในคุณภาพและความเป็นมืออาชีพ หากสนใจสามารถเช็คเบี้ย ซื้อประกันรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ www.pocketbylmg.com