รู้ไว้ก่อนเดินทาง! กรณีไหนต้องใช้รถยก รถลาก ใครจ่ายค่าบริการ?

ในการเดินทางแต่ละครั้งไม่ว่าจะใกล้หรือไกล อาจเกิดอุบัติเหตุหรือสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทำให้ผู้ขับขี่จำเป็นต้องใช้บริการรถยกหรือรถลาก เพื่อเคลื่อนย้ายรถไปยังอู่ซ่อม

ซึ่งในกรณีนี้ หลายคนอาจจะยังสงสัยกันอยู่ว่า หากมีประกันรถยนต์แล้วต้องเรียกใช้บริการรถยก รถลาก ใครกันที่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่ง Pocket by LMG ได้หาคำตอบมาให้แล้ว ตลอดจนพาไปดูกันว่า กรณีไหนบ้างที่ควรจะเรียกใช้บริการรถยก รถลาก ไปดูคำตอบพร้อมกันเลย

รู้ไว้ก่อนเดินทาง กรณีไหนต้องใช้รถยก รถลาก ใครจ่ายค่าบริการ

2 กรณีที่ควรเรียกใช้บริการรถยก หรือรถลาก

โดยปกติแล้ว กรณีที่ควรจะต้องเรียกใช้บริการรถยกหรือรถลาก แบ่งออกเป็น 2 กรณีหลัก นั่นก็คือ กรณีรถเสีย กับกรณีรถเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งสาเหตุจะค่อนข้างใกล้เคียงกัน โดยอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้

ซื้อประกันรถยนต์กับ Pocket คุ้มค่าสุดๆ

1. รถเสีย ครอบคลุมทั้งกรณีที่รถสตาร์ตไม่ติด น้ำมันหมด ทั้งน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก หม้อน้ำรั่ว ยางแตก หรือแม้กระทั่งภายในเครื่องยนต์มีปัญหา จนไม่สามารถขับขี่ต่อไปได้

2. รถเกิดอุบัติเหตุ สาเหตุหลักๆ จะมาจาก รถชนรถ รถเสียหลัก เครื่องยนต์ดับ หรือรถเกิดเพลิงไหม้จนกีดขวางการจราจร หรือเสียหายจนไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถได้ด้วยตัวเอง

ข้อควรรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับรถยกและรถลาก

รถยก (รถสไลด์)

  • ใช้ในกรณีที่รถเสียหายหนัก ล้อรถเสียหายจนไม่สามารถลากได้
  • เป็นการยกรถทั้งคันไปบนรถอีกคันหรือยกขึ้นบนถาดสไลด์เพื่อเคลื่อนย้าย
  • ควรใช้ในกรณีที่จะต้องเคลื่อนย้ายรถในระยะทางไกล
  • ค่าบริการสูงกว่ารถลาก เพราะมีระบบที่ปลอดภัยสูง ล็อกแน่นหนา และไม่สร้างความเสียหายให้ช่วงล่างของรถยนต์เพิ่ม

รถลาก 

  • ใช้ในกรณีที่รถไม่ได้เสียหายหนัก ล้อรถคู่หน้า หรือคู่หลังยังใช้งานได้
  • เป็นการลากจูงด้วยสลิง หรือเชือกที่แข็งแรง ทนทาน
  • ควรใช้ในกรณีที่ลากรถไปในระยะทางไม่ไกลมาก
  • ค่าบริการย่อมเยากว่ารถยก เพราะมีความเสี่ยงที่จะสร้างความเสียหายให้ตัวรถยนต์เพิ่มขณะลากรถไปอู่ซ่อมได้

กรณีรถเสีย รถเกิดอุบัติเหตุ ใครเสียค่าบริการยกรถ หรือลากรถไปอู่ซ่อม?

ทราบกันแล้วว่ากรณีไหนบ้างที่ควรเรียกบริการรถยกหรือรถลาก ทีนี้มาถึงเรื่องสำคัญอย่าง ระหว่างบริษัทประกันหรือผู้เอาประกัน ใครที่จะต้องเป็นผู้จ่ายค่าบริการ โดยในที่นี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละกรณีที่เกิดขึ้นขณะขับรถยนต์และเงื่อนไขของกรมธรรม์ ดังนี้

1. กรณีรถเสีย

ปกติแล้วผู้เอาประกันจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าบริการรถยกหรือลากรถเอง ซึ่งสามารถติดต่อใช้บริการจากบริษัทยกรถหรือลากรถได้เลยทันที แต่หากประกันรถยนต์ที่คุณซื้อไว้ มีบริการครอบคลุมรถยก รถลาก ก็สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่เพื่อให้ช่วยเหลือเบื้องต้นได้

2. กรณีรถเกิดอุบัติเหตุ

ในที่นี้บริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าบริการรถยกหรือลากรถให้ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์นั้นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะรับผิดชอบไม่เกินร้อยละยี่สิบของค่าซ่อมแซม และมีข้อกำหนดในเรื่องของระยะทางที่สามารถใช้บริการยกหรือลากรถได้ ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ภายใน 20 กม. จากจุดเกิดเหตุ หากเกินกว่านั้น อาจมีค่าใช้จ่ายส่วนต่างเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้ประกันรถยนต์ชั้น 1 ส่วนใหญ่ ก็มักจะครอบคลุมค่าบริการรถยกหรือลากรถไปที่สถานีตำรวจเพื่อดำเนินการสอบสวน และค่าบริการรถลากไปที่อู่เพื่อซ่อมแซมอยู่แล้ว

อุ่นใจทุกเส้นทาง แค่มีประกันรถยนต์ Pocket by LMG

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า เมื่อรถเกิดเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ การมีประกันรถยนต์ไว้นั้นเป็นอีกทางเลือกที่ดี เพราะสามารถช่วยจัดการทั้งเรื่องของคู่กรณี การนำรถเข้าซ่อมแซม และยังช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายเมื่อต้องนำรถเข้าซ่อมอีกด้วย

เพราะฉะนั้น ขอแนะนำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 จาก Pocket by LMG ประกันชั้น 1 ของเราคุ้มครองครบถ้วน พร้อมมอบความคุ้มค่า โดยมีรายละเอียดความคุ้มครองกรณีรถเกิดอุบัติเหตุ ดังนี้

1. คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์

  • คุ้มครองทั้งกรณีชนกับพาหนะทางบก ชนแบบไม่มีคู่กรณี และกรณีรถยนต์ไฟไหม้
    • กรณีชนกับพาหนะทางบก ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงอุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง และสิ่งที่ติดอยู่กับตัวรถยนต์ (ไม่รวมความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้) โดยมีจํานวนเงินคุ้มครองขั้นต่ำ 50,000 บาท* (รถจักรยานยนต์ 5,000 บาท)
    • กรณีชนแบบไม่มีคู่กรณี ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นเหมือนกรณีชนกับยานพาหนะทางบก แต่เจ้าของรถยนต์จะต้องเสียค่า Excess ตามความเสียหายนั้น แล้วแต่จะตกลงกัน ส่วนมากจะอยู่ที่จุดละ 1,000 บาท*
    • กรณีรถยนต์ไฟไหม้ ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของรถยนต์ รวมทั้งอุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง และสิ่งที่ติดอยู่กับตัวรถยนต์ที่ถูกไฟไหม้ ไม่ว่าจะเป็นการไหม้โดยตัวรถยนต์เอง หรือไหม้ด้วยสาเหตุอื่นๆ
  • ให้ทุนประกันสูง จำนวนวงเงินคุ้มครองตามทุนประกันภัยที่ลูกค้าสมัครรับความคุ้มครอง ซึ่งรายละเอียดจะขึ้นอยู่กับแต่ละแผนประกัน

2. คุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินบุคคลภายนอก

  • คุ้มครองทั้งบุคคลภายนอกซึ่งบาดเจ็บหรือเสียชีวิต พร้อมคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สิน
  • กรณีคุ้มครองบุคคลภายนอก คุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 1,500,000 บาท/คน และสูงสุดไม่เกิน 10,000,000 บาท/ครั้ง 
  • กรณีคุ้มครองทรัพย์สิน คุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 2,500,000 บาท/ครั้ง

3. ความคุ้มครองเพิ่มเติม

  • คุ้มครองบุคคลภายในรถ ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าสินไหมทดแทน (ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล) รวมทั้งการประกันตัวผู้ขับขี่
  • จำนวนวงเงินคุ้มครอง ตามทุนประกันที่ลูกค้าสมัครรับความคุ้มครอง

4. พิเศษ! บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง

ประกันรถยนต์ Pocket by LMG ครอบคลุมความช่วยเหลือกรณีที่ต้องใช้รถยกหรือรถลาก มอบความคุ้มครองสุดคุ้มสำหรับทุกแผนประกัน

  • บริการยกหรือลากรถ ฟรีสูงสุดเป็นระยะทาง 35 กม. นับจากจุดที่รถจอดเสียอยู่ หากเกิน 35 กม. เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ทราบก่อนทุกครั้ง และลูกค้าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินเอง ซึ่งลูกค้าสามารถรับบริการได้ 1 ครั้ง/ปี
  • เรามีอู่หรือศูนย์บริการในเครือกว่า 1,800 แห่งทั่วประเทศ จึงสะดวกสบายในการติดต่อเข้ารับบริการซ่อมแซม

หากคุณสนใจทำประกันรถยนต์ Pocket by LMG เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจขณะขับขี่ หรือต้องการเช็คค่าเบี้ยประกันภัย สามารถเช็คผ่านทางออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง ที่เว็บไซต์ www.pocketbylmg.com หรือโทร.02-302-7788 (09.00 - 18.00 น.) เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับแผนประกันเพิ่มเติม

รับฟรีโค้ดเติมน้ำมัน

ปรึกษาพร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพียงฝากข้อมูลของคุณด้านล่าง