รวมมาให้แล้ว! 6 สาเหตุไฟไหม้รถ ประกันคุ้มครองหรือไม่?

ไฟไหม้รถ ถือว่าเป็นอีกสถานการณ์ที่เจ้าของรถควรระมัดระวังให้ดี เพราะนอกจากจะเกิดจากอุบัติเหตุรถชนได้แล้ว ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่นๆ อีกหลายอย่างแบบที่เราคาดไม่ถึงอีกด้วย

และด้วยความห่วงใย Pocket by LMG จึงรวบรวมสาเหตุหลักที่ทำให้รถไฟไหม้มาฝาก รวมถึงวิธีปฏิบัติตนหากเกิดเหตุไฟไหม้รถยนต์ พร้อมตอบคำถามที่ว่า ในกรณีนี้ ประกันรถยนต์จะคุ้มครองหรือไม่ หรือถ้าหากคุ้มครอง จะมีวิธียื่นเคลมอย่างไร มาดูกันเลย

รวมมาให้แล้ว! 6 สาเหตุไฟไหม้รถ ประกันคุ้มครองหรือไม่

6 สาเหตุที่ทำให้ไฟไหม้รถ ใกล้ตัวกว่าที่คิด

  1. ระบบเชื้อเพลิงหรือของเหลวอื่นๆ รั่วซึม 
    สาเหตุสำคัญอันดับหนึ่งที่ทำให้เกิดไฟไหม้รถยนต์ได้ง่าย เพราะหากมีน้ำมันเชื้อเพลิงหรือของเหลว เช่น น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ หรือน้ำยาหล่อเย็น รั่วซึมออกมา เมื่อเจอกับความร้อนของเครื่องยนต์ หรือประกายไฟเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้รถไฟไหม้ได้ทันที
  2. ระบบไฟฟ้าทำงานขัดข้อง
    เกิดได้จากหลายส่วน ทั้งระบบไฟฟ้าของแบตเตอรี่รถยนต์ทำงานผิดพลาด สายไฟที่หลวม การเดินสายไฟที่ไม่ดี หรือหลอดไฟที่ชำรุด สิ่งเหล่านี้หากมีความเสียหาย ก็อาจทำให้เกิดประกายไฟ จนทำให้ไฟไหม้รถได้
  3. เครื่องยนต์ทำงานหนักจนโอเวอร์ฮีท 
    หากระบบเครื่องยนต์มีปัญหา ระบบระบายความร้อน ระบายความร้อนไม่ทัน นั่นอาจจะทำให้ของเหลวภายในร้อนจัด และทะลักออกมาโดนเข้ากับระบบไอเสียจนติดไฟ ทำให้รถเกิดไฟไหม้ได้เช่นเดียวกัน
  4. ตัวกรองก๊าซไอเสียอุดตัน
    อีกหนึ่งสาเหตุของไฟไหม้รถ หากใช้รถมานาน เพราะหากตัวกรองก๊าซอุดตัน ก็จะทำให้เกิดความร้อนสูง เมื่อพบเข้ากับฉนวนที่ทำให้เกิดประกายไฟ เช่น ใบไม้ กระดาษ ฯลฯ ก็อาจส่งผลให้ติดไฟ จนไฟไหม้รถได้ง่าย
  5. เติมอะไหล่หรือชิ้นส่วนแต่งรถที่ไม่ได้มาตรฐาน
    เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนอะไหล่ที่ชำรุด หรือต้องการแต่งรถด้วยชิ้นส่วนเพิ่มเติม หากเลือกชิ้นส่วนต่างๆ ที่ไม่ได้คุณภาพ และไม่ได้ติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ ก็อาจทำให้รถทำงานผิดปกติ จนเป็นสาเหตุให้รถเกิดไฟไหม้ได้นั่นเอง
  6. ทิ้งสิ่งของที่ควรระวังไว้ในรถโดยไม่รู้ตัว
    ไม่ว่าจะเป็น ขวดน้ำหอมพกพา ไฟแช็ก โทรศัพท์มือถือ กระป๋องสเปรย์ และแบตเตอรี่สำรอง ฯลฯ ล้วนเป็นสาเหตุของไฟไหม้รถที่หลายคนมักจะมองข้าม โดยเฉพาะขวดน้ำพลาสติก ยิ่งก่อให้เกิดโอกาสไฟไหม้รถยนต์ได้มากที่สุด หากทิ้งไว้ในรถที่มีแดดจัดส่องถึง

ซื้อประกันรถยนต์กับ Pocket คุ้มค่าสุดๆ

เมื่อรถเกิดไฟไหม้ ควรทำอย่างไร?

หากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้รถ ให้พยายามประคองสติ และลองปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ หรือออกจากรถได้ทันเวลาหากไฟลุกลามขั้นรุนแรง

  1. อันดับแรก หากได้กลิ่นเหม็นไหม้หรือไฟยังไหม้เล็กน้อย ให้รีบนำรถจอดเข้าข้างทาง และโทรหาเจ้าหน้าที่เพื่อเข้ามาเช็กระบบของรถยนต์
  2. หากไฟยังลามไม่มาก ให้รีบควบคุมเพลิงโดยใช้ถังดับเพลิงฉีดพ่นในจุดที่ติดไฟ หรือหากเป็นรถที่ใช้แก๊ส ก็ให้ปิดสวิตช์ตัดระบบการทำงาน และโทรหาเจ้าหน้าที่
  3. กรณีที่ไฟไหม้รถและลุกลามอย่างรวดเร็ว ให้รีบออกจากบริเวณรถโดยทันที และรีบโทรหาเจ้าหน้าที่โดยเร็วที่สุด ทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย หรือหน่วยงานที่ดูแลรับแจ้งเหตุเพลิงไหม้หรือดับเพลิง ที่เบอร์ 199 เพื่อให้เข้ามาช่วยคุมสถานการณ์

กรณีไฟไหม้รถ ประกันรถยนต์คุ้มครองหรือไม่?

ในกรณีที่รถเกิดไฟไหม้ ตอบได้เลยว่า ประกันรถยนต์คุ้มครอง แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า ประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองกรณีนี้ จะครอบคลุมเฉพาะประกันรถชั้น 1 และ 2+ เท่านั้น ส่วนประกันชั้น 3 และ 3+ จะไม่คุ้มครอง แต่ทั้งนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับเงื่อนไขความคุ้มครองตามกรมธรรม์ของแต่ละบริษัทอีกด้วย

โดยในกรณีที่ประกันคุ้มครอง จะพิจารณาระดับความเสียหายของรถยนต์เป็นหลัก ดังนี้

  1. รถเสียหายหนัก ในที่นี้หมายถึง ไฟไหม้จนรถเสียหายรุนแรงเกินกว่า 70% โดยเทียบกับมูลค่าของรถยนต์ขณะเกิดเหตุ หรือรถเสียหายจนไม่สามารถซ่อมรถให้กลับไปสู่สภาพเดิมได้ ซึ่งบริษัทประกันอาจจะมอบเป็นเงินชดเชยค่าเสียหายให้เต็มจำนวน หรือมอบให้สูงสุดโดยไม่เกินทุนประกันที่ทำไว้ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับรายละเอียดในกรมธรรม์นั้นๆ
  2. รถเสียหายบางส่วน ในที่นี้หมายถึง ระดับความเสียหายของตัวรถยังไม่มาก สามารถซ่อมรถให้กลับไปสู่สภาพเดิมได้ ซึ่งในกรณีนี้ ผู้เอาประกันจะต้องพูดคุยดูว่าจะเลือกรับการชดเชยในลักษณะไหน เช่น ซ่อมรถให้กลับสู่สภาพเดิม เคลมรถโดยเปลี่ยนรถลักษณะใกล้เคียงมาใช้ หรือรับเป็นเงินชดเชยความเสียหายตามเงื่อนไขกรมธรรม์แทน
  3. กรณีที่เป็นรถยนต์ติดตั้งแก๊ส บริษัทประกันจะคุ้มครองเฉพาะรถที่มีการติดตั้งตัวถังที่ได้มาตรฐาน มีการส่งเอกสารเพื่อยืนยันการติดตั้งแก๊สให้แก่ทางบริษัทประกันภัยครบถ้วน ตลอดจนแจ้งกรมขนส่งทางบกหลังจากติดตั้งแก๊สเรียบร้อยเท่านั้น จึงจะเคลมรถได้

วิธีการยื่นเรื่องขอเคลมประกัน กรณีรถไฟไหม้

ที่จริงแล้วการขอเคลมประกันในกรณีที่เกิดไฟไหม้รถ ไม่ได้มีขั้นตอนที่ซับซ้อน เพราะใช้วิธีการเดียวกันกับการยื่นเคลมตามปกติแบบภัยอื่นๆ ซึ่งสรุปได้ตามด้านล่างนี้

  1. เตรียมเอกสารและโทรแจ้งเคลม กรณีที่รถไฟไหม้ ให้เตรียมเอกสารจำเป็น ทั้งใบขับขี่ เลขกรมธรรม์ประกันรถ และเอกสารเกี่ยวกับทะเบียนรถให้พร้อม เพื่อให้รวดเร็วต่อการรับเคลมประกัน
  2. รอเจ้าหน้าที่เข้าประเมินความเสียหาย โดยเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบรถ รวมถึงรอบบริเวณจุดเกิดเหตุ ไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่ หากตกลงเรื่องค่าเสียหายเรียบร้อยก็สามารถรอรับใบเคลมรถจากเจ้าหน้าที่ได้ทันที
  3. นำรถไปเข้าอู่ซ่อมหรือศูนย์บริการ ในที่นี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกัน ว่าจะติดต่อกับอู่หรือศูนย์ซ่อมให้ได้อย่างไรบ้าง ถ้ายิ่งบริษัทประกันนั้นๆ มีอู่หรือศูนย์บริการในเครือ ก็จะยิ่งทำให้ติดต่อง่าย และส่งซ่อมได้รวดเร็ว

ทราบกันแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้ไฟไหม้รถเกิดจากอะไรได้บ้าง และมีวิธีเคลมอย่างไร เท่านี้คุณก็พร้อมรับมือหากต้องอยู่ในสถานการณ์จริง แต่อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือต้องหมั่นตรวจเช็คสภาพรถให้พร้อมใช้งาน และขับรถด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ รวมถึงการมีประกันรถยนต์ที่คุ้มครองครอบคลุมกรณีรถไฟไหม้ ก็จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และสร้างความมั่นใจขณะขับขี่หากเกิดเหตุขึ้นมา 

ประกันรถยนต์ Pocket by LMG คุ้มครองครอบคลุมเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้รถยนต์ ทั้งประกันชั้น 1 และประกันชั้น 2+ ให้วงเงินคุ้มครองสูงตามทุนประกันภัย และยังมีอู่หรือศูนย์บริการในเครือกว่า 1,800 แห่งทั่วประเทศ จึงสะดวกและรวดเร็วหากต้องการเคลมประกันรถยนต์

หากคุณสนใจดูรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครองของแต่ละแผนประกันหรือต้องการเช็คค่าเบี้ยเบื้องต้น สามารถเช็คผ่านทางออนไลน์ได้ที่ www.pocketbylmg.com ตลอด 24 ชั่วโมง

รับฟรีโค้ดเติมน้ำมัน

Want us to call you?