ขับรถชนเสาไฟฟ้า ชนของหลวง เสียค่าปรับเท่าไหร่ประกันจ่ายไหม

ขับรถชนเสาไฟฟ้า ควรทำอย่างไร

เมื่อเกิดอุบัติเหตุขับรถชนเสาไฟฟ้า สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ตั้งสติให้มั่นและประเมินสถานการณ์รอบตัวก่อนลงจากรถยนต์ โดยมีข้อแนะนำในการปฏิบัติแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ ดังนี้

1. รถชนเสาไฟฟ้าแล้วมีสายไฟโดนตัวรถยนต์

ถ้าสังเกตเห็นว่ามีสายไฟร่วงลงมาโดนตัวรถยนต์หรือตกอยู่บนพื้น ห้ามไม่ให้ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารลงจากรถโดยเด็ดขาด เพราะอาจมีกระแสไฟฟ้ากระจายอยู่รอบๆ ตัวรถ หลังจากนั้นให้รีบแจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้องที่สายด่วน 113 (การไฟฟ้านครหลวง) หรือ 1129 (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) ทันที ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ยืนยันความปลอดภัยรอบตัวรถแล้ว จึงสามารถออกจากห้องโดยสารได้

2. รถชนเสาไฟฟ้าแล้วไฟไหม้

ในกรณีที่รถเริ่มมีเพลิงไหม้ ให้รีบออกจากรถเร็วที่สุด โดยต้องระวังไม่สัมผัสกับชิ้นส่วนรถที่เป็นเหล็ก เพราะอาจมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน จากนั้นให้กระโดดจากรถให้พ้นรัศมีอันตรายของกระแสไฟฟ้า 

3. พบคนขับรถชนเสาไฟฟ้า

หากคุณพบเห็นเหตุการณ์ที่เพื่อนร่วมถนนขับรถชนเสาไฟฟ้า ทางปฏิบัติที่ดีที่สุดคือ การอยู่ให้ห่างจากตัวรถ เพราะอาจมีกระแสไฟฟ้าหลงเหลืออยู่ จากนั้นจึงโทรแจ้ง 1129 (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) และ 1669 (หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน) เพื่อเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุต่อไป

ขับรถชนเสาไฟฟ้ามีความผิดหรือไม่

ในกรณีที่ผู้ขับขี่ขับรถชนของหลวง ไม่ว่าจะเป็นเสาไฟฟ้า เสาสัญญาณไฟจราจร แผงกั้นจราจร หรือแม้แต่ต้นไม้ริมทาง จะถือว่าผู้ที่เฉี่ยวชนสิ่งของเหล่านี้มีความผิดฐานสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินสาธารณะ ตามประมวลกฎหมายอาญา หมวดที่ 7 มาตรา 360 ซึ่งระบุไว้ว่า “ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ดังนั้น ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถจำเป็นต้องชดเชยค่าเสียหายให้กับกรมทางหลวง หรือหน่วยงานรัฐที่ดูแลทรัพย์สินเหล่านั้น โดยแจ้งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาประเมินความเสียหายและชี้แจงค่าปรับที่ต้องจ่าย ทั้งนี้ หากปฏิเสธที่จะจ่ายค่าเสียหาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจเลือกฟ้องร้องต่อชั้นศาล เพื่อดำเนินการบังคับคดีต่อไป =

ขับรถชนเสาไฟฟ้ามีค่าปรับเท่าไหร่

เสาไฟฟ้าเป็นทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้การดูแลของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ขึ้นอยู่กับเขตความรับผิดชอบที่เกิดอุบัติเหตุ โดยค่าปรับที่ต้องจ่ายจะถูกประเมินจากระดับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเสาไฟฟ้าต้นนั้นๆ อาทิ ค่าเสาปูน หม้อแปลงไฟฟ้า สายไฟ สายอินเทอร์เน็ต ค่ารื้อถอนและติดตั้ง รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้ไม่สามารถระบุตัวเลขค่าปรับที่แน่ชัดได้ ทั้งนี้ ราคาค่าปรับเมื่อขับรถชนเสาไฟฟ้า 1 ต้น อาจเริ่มต้นตั้งแต่ 3,000 ไปจนถึง 1,000,000 บาทเลยทีเดียว 

ขับรถชนเสาไฟฟ้า ประกันจ่ายไหม

ถือเป็นคำถามอันดับต้นๆ ของผู้ใช้รถใช้ถนนหลายๆ คน คำตอบก็คือ “จ่าย” หากคุณทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เนื่องจากเป็นประกันรถยนต์ประเภทเดียวที่มอบความคุ้มครองอุบัติเหตุรถชนแบบไม่มีคู่กรณี ซึ่งรวมไปถึงการขับรถชนเสาไฟฟ้าด้วยนั่นเอง โดยบริษัทประกันภัยจะชดเชยค่าความเสียหายต่อตัวรถยนต์และทรัพย์สินภายนอกตามวงเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

หากคุณได้ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เอาไว้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขับรถชนเสาไฟฟ้า ก็สามารถติดต่อแจ้งเคลมประกันกับทางบริษัทประกันภัยได้ทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น และดำเนินการเคลมในลำดับต่อไป

ส่วนกรณีที่ผู้ขับขี่ซื้อประกันรถยนต์ประเภทอื่นๆ เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 2+ หรือ 3+ จะไม่คุ้มครองการชนแบบไม่มีคู่กรณี โดยจะต้องเป็นการเคลมอุบัติเหตุรถชนรถ หรือการชนแบบมีคู่กรณีเท่านั้น แต่ถ้ารถเกิดไฟไหม้ ในกรณีนี้ผู้ขับขี่สามารถเคลมได้ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1 และประกันรถยนต์ชั้น 2+ เนื่องจากอยู่ในเงื่อนไขการคุ้มครองกรณีรถไฟไหม้นั่นเอง

อุบัติเหตุรถชนเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนในทุกเมื่อ และอาจนำมาซึ่งความเสียหายทั้งต่อชีวิต ทรัพย์สินส่วนตัว และทรัพย์สินสาธารณะอย่างเสาไฟฟ้า ซึ่งผู้ขับขี่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่สูง ดังนั้น นอกจากการขับขี่ด้วยความระมัดระวังแล้ว การมี ประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น และหากคุณกำลังมองหาประกันยนต์ที่ใช่ ให้การคุ้มครองที่ครบครันในราคาที่คุ้มค่า Pocket พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำแผนประกันที่เหมาะสม เพื่อให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปอย่างอุ่นใจ

สามารถดูแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ และเช็คเบี้ยได้ง่ายๆ ที่ www.pocketbylmg.com/ หรือ โทร. 02-302-7788 เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับแผนประกันที่ตอบโจทย์ในราคาที่คุ้มค่า