เจาะลึก! ขับรถชนสัตว์ป่า เคลมประกันรถยนต์ได้หรือไม่? พร้อมเคล็ดลับที่คุณควรรู้

เมื่อพูดถึงการขับรถบนเส้นทางธรรมชาติหรือพื้นที่ชนบท หลายคนอาจนึกถึงวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ใครจะคิดว่าเหตุการณ์ ขับรถชนสัตว์ป่า สามารถเกิดขึ้นได้จริง และสร้างความเสียหายทั้งทรัพย์สินและชีวิตได้มากกว่าที่คิด บทความนี้ Pocket จะพาผู้ขับขี่ทุกคนไปเจาะลึกถึงวิธีจัดการและป้องกัน พร้อมคำแนะนำเรื่องการทำประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมในกรณีนี้

อุบัติเหตุชนสัตว์ป่าเกิดขึ้นได้อย่างไร? ทำอย่างไรเมื่อชนสัตว์ป่า และการคุ้มครองแบบไหนที่ช่วยให้คุณอุ่นใจเมื่อเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ถ้าพร้อมแล้ว ก็มาดูกันเลย

เจาะลึก! ขับรถชนสัตว์ป่า เคลมประกันรถยนต์ได้หรือไม่? พร้อมเคล็ดลับที่คุณควรรู้

อุบัติเหตุชนสัตว์ป่าเกิดขึ้นได้อย่างไร? 

อุบัติเหตุชนสัตว์ป่ามักเกิดขึ้นเมื่อไหร่ หรืออย่างไรก็ได้ แต่ในกรณีที่มักเกิดบ่อยที่สุดก็คือในช่วงเวลากลางคืนที่ทัศนวิสัยของผู้ขับขี่น้อยและในพื้นที่ที่ถนนตัดผ่านป่าเขาหรือใกล้แหล่งธรรมชาติ ที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า  

สัตว์ป่ามักออกหากินในช่วงนี้และเคลื่อนไหวโดยไม่ทันระวัง ก่อให้เกิดอุบัติเหตุชนสัตว์ป่าในเวลากลางคืน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายหนักต่อรถ ตลอดจนผู้ขับขี่และสัตว์ป่า

ดังนั้น เมื่อไหร่ที่คุณพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งแรกที่ควรทำคือหยุดรถในทันที พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ หลีกเลี่ยงการขับรถต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าปลอดภัย จากนั้นจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจหรือกรมอุทยานฯ ตลอดจนประกันของคุณ เพื่อให้เข้ามาดูแลสถานการณ์และช่วยเหลือคุณและสัตว์ป่าที่อาจได้รับบาดเจ็บ

ซื้อประกันรถยนต์กับ Pocket คุ้มค่าสุดๆ

ขับรถชนสัตว์ป่า เคลมประกันรถยนต์ได้หรือไม่?

หนึ่งในคำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ หากเกิดอุบัติเหตุ ขับรถชนสัตว์ป่า จะสามารถเคลมประกันรถยนต์ได้หรือไม่? คำตอบนั้นคือขึ้นอยู่กับประเภทของประกันรถยนต์ที่คุณเลือกใช้ โดยสามารถแยกได้ดังนี้

ประกันรถยนต์ชั้น 1

ประกันประเภทนี้ถือว่าครอบคลุมมากที่สุด ครอบคลุมความเสียหายเกือบทุกกรณี รวมถึงการชนสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นรถเสียหายหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสัตว์

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+

แม้ว่าประกันประเภทนี้จะมีความคุ้มครองที่รองลงมา แต่บางกรณีก็ยังครอบคลุมการชนสัตว์ป่าที่ชัดเจน เช่น รถชนจนเสียหายหนัก อย่างไรก็ตาม อาจไม่ครอบคลุมในกรณีที่สัตว์ทำลายรถโดยตรง เช่น รอยขีดข่วนที่เกิดจากสัตว์

ประกันรถยนต์ชั้น 3

ส่วนใหญ่แล้วประกันชั้น 3 จะไม่ครอบคลุมเหตุการณ์ชนสัตว์ป่า

จะเห็นได้ว่าแต่ละชั้นย่อมให้การครอบคลุมที่แตกต่างกัน ดังนั้น หากคุณมีโอกาสที่จะขับรถในพื้นที่เสี่ยงบ่อย จึงควรเลือกประกันชั้นที่ครอบคลุม หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมอย่างครบถ้วนก่อนการเลือกประกัน

เคล็ดลับจาก Pocket แบบ Step by Step เมื่อขับรถชนสัตว์ป่า

หากเกิดเหตุการณ์ ขับรถชนสัตว์ป่า คุณควรปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้เพื่อจัดการสถานการณ์อย่างเหมาะสม

1. หยุดรถทันทีในจุดที่ปลอดภัย

เมื่อเกิดเหตุการณ์ ให้หยุดรถในทันที แต่ต้องมั่นใจว่าคุณหยุดรถในที่ที่ปลอดภัยและไม่กีดขวางการจราจร เช่น ข้างทางหรือบริเวณไหล่ทาง

  • เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อส่งสัญญาณเตือนรถคันอื่น และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
  • ตรวจสอบสภาพแวดล้อมว่าปลอดภัยก่อนลงจากรถ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น

2. บันทึกภาพความเสียหายและเหตุการณ์

ใช้โทรศัพท์มือถือหรือกล้องถ่ายภาพบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นหลักฐานสำคัญ:

  • จุดที่เกิดเหตุและสภาพแวดล้อมโดยรอบ
  • ความเสียหายของรถยนต์ เช่น รอยชน รอยขีดข่วน หรือความเสียหายต่อโครงสร้างรถ
  • สัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่และบริษัทประกันประเมินสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง

3. แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

  • ติดต่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อรายงานอุบัติเหตุและรับคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไป
  • หากเหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ เช่น เขตอุทยาน หรือพื้นที่อนุรักษ์ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ เพื่อจัดการกับสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตอย่างเหมาะสม

4. ตรวจสอบและดูแลสภาพรถ

  • หากรถยังสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ ให้ตรวจสอบเบื้องต้นเพื่อมั่นใจว่ารถอยู่ในสภาพปลอดภัยสำหรับการเดินทางต่อ
  • หากรถได้รับความเสียหายจนไม่สามารถขับเคลื่อนต่อได้ ให้โทรติดต่อหน่วยบริการฉุกเฉินหรือรถยก

5. แจ้งบริษัทประกันภัยรถยนต์

  • หากคุณมีประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมกรณีการชนสัตว์ป่า ให้ติดต่อ บริษัทประกันภัย ทันทีเพื่อรายงานเหตุการณ์
  • แจ้งรายละเอียดเหตุการณ์พร้อมส่งรูปถ่ายหลักฐาน เพื่อให้บริษัทตรวจสอบเงื่อนไขการเคลม และดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็น

6. สอบถามคำแนะนำเพิ่มเติม

  • หากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับสิทธิหรือขั้นตอนในการเคลมประกัน สามารถสอบถามตัวแทนประกันหรือติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม

7. เรียนรู้และป้องกันเหตุในอนาคต

  • หากคุณต้องเดินทางในพื้นที่ที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ลดความเร็ว และสังเกตป้ายเตือนตลอดเส้นทาง
  • พิจารณาเลือกแผนประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมกรณีนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองอย่างเพียงพอในทุกสถานการณ์

ขับรถอย่างไรให้ปลอดภัยจากการชนสัตว์ป่า

การขับรถผ่านพื้นที่ที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นทั้งกับตัวคุณและสัตว์ป่า Pocket แนะนำเคล็ดลับง่ายๆ เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยและช่วยลดโอกาสเกิดเหตุไม่คาดฝันอย่างการชนสัตว์ป่า ดังนี้

1. ศึกษาเส้นทางก่อนเดินทาง

  • หากคุณต้องขับผ่านพื้นที่ที่มีสัตว์ป่า เช่น อุทยานแห่งชาติหรือชนบท ควรศึกษาเส้นทางล่วงหน้า
  • สังเกตป้ายเตือนที่ระบุว่าเป็นพื้นที่ที่มีสัตว์ป่าข้ามถนน และเพิ่มความระมัดระวังในบริเวณดังกล่าว

2. ขับด้วยความเร็วที่เหมาะสม

  • ลดความเร็ว โดยเฉพาะในช่วงเวลา พลบค่ำและรุ่งเช้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สัตว์ป่าออกหากิน
  • การขับด้วยความเร็วต่ำช่วยให้คุณมีเวลาตอบสนองและหยุดรถได้ทันหากสัตว์ปรากฏตัวกะทันหัน

3. ใช้ไฟหน้ารถให้เหมาะสม

  • เปิดไฟหน้ารถในพื้นที่ที่มีแสงน้อยเพื่อช่วยเพิ่มทัศนวิสัย
  • หากขับในช่วงกลางคืน ใช้ไฟสูงในพื้นที่ที่ปลอดภัยและไม่มีรถสวนมาเพื่อมองเห็นระยะไกล แต่ควรเปลี่ยนเป็นไฟต่ำเมื่อมีรถสวนเพื่อไม่ให้รบกวนสายตาผู้อื่น

4. สังเกตพฤติกรรมสัตว์

  • สัตว์ป่าบางชนิดมักเคลื่อนตัวเป็นฝูง หากเห็นสัตว์ข้ามถนนตัวหนึ่ง ให้ระวังว่ายังอาจมีตัวอื่นตามมา
  • สังเกตแสงสะท้อนจากดวงตาสัตว์ในเวลากลางคืนที่อาจมองเห็นจากระยะไกล

5. ใช้สัญญาณเตือน

  • หากสังเกตเห็นสัตว์อยู่ใกล้ถนน ให้ชะลอความเร็วและบีบแตรเบาๆ เพื่อเตือนสัตว์ให้หลีกทาง
  • หลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องเสียงดัง เพราะอาจทำให้สัตว์ตกใจและเคลื่อนไหวในลักษณะที่คาดเดาไม่ได้

6. หลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหัน

  • หากพบสัตว์กะทันหัน ให้ประเมินสถานการณ์ก่อนตัดสินใจเบรก
  • การเบรกกะทันหันอาจทำให้รถเสียการควบคุม หรือเกิดอุบัติเหตุจากรถที่ตามมา

7. เตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน

  • พกอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟฉาย และอุปกรณ์ปฐมพยาบาล เผื่อในกรณีที่ต้องลงไปสำรวจพื้นที่
  • เลือกประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมกรณีการชนสัตว์ป่า เพื่อเพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง

8. สังเกตป้ายและพื้นที่ต้องระวัง

  • ป้ายเตือนสัตว์ป่าเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าเป็นพื้นที่เสี่ยง
  • ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในพื้นที่ที่มีป่าไม้แน่น หรือถนนเลียบป่า ซึ่งสัตว์ป่าอาจปรากฏตัวได้ตลอดเวลา

เพียงเท่านี้ ผู้ขับขี่อย่างเราก็สามารถปลอดภัยจากกรณีการชนสัตว์ป่าต่างๆ ลดอุบัติเหตุที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บทั้งต่อสัตว์ ตัวเรา และรถยนต์ เรียกได้ว่าเมื่อมีทั้งความรู้และแผนความปลอดภัยอย่างประกันต่างๆ ไว้แล้ว ก็ท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ หายห่วง

อุบัติเหตุ ขับรถชนสัตว์ป่า เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่หากเราต้องเผชิญกับเหตุการณ์นี้ การมีประกันรถยนต์ที่เหมาะสม เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะช่วยให้เราสามารถมั่นใจว่าเราจะได้รับความคุ้มครองทั้งในด้านทรัพย์สินและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

ในปัจจุบัน การเลือกซื้อประกันรถยนต์นั้นทำได้ง่าย ผู้ขับขี่สามารถซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ได้ อย่ารอช้า เริ่มต้นเลือกแผนประกันที่ใช่วันนี้ เพื่อพร้อมรับกับทุกสถานการณ์บนท้องถนน Pocket พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำแผนประกันที่เหมาะสม เพื่อให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปอย่างอุ่นใจ สามารถดูแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ และเช็คเบี้ยได้ง่ายๆ ที่ www.pocketbylmg.com/ หรือ โทร. 02-302-7788 เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับแผนประกันที่ตอบโจทย์ในราคาที่คุ้มค่า

รับฟรีโค้ดเติมน้ำมัน

Want us to call you?