เช็คลิสต์อุปกรณ์เสริมที่ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครอง ควรรู้ก่อนแต่งรถ

อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์มีกี่ประเภท

อันดับแรก มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่

1. อุปกรณ์ตกแต่งรถเพื่อความสวยงาม

อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับรถยนต์ โดยไม่ได้มีผลต่อสมรรถนะหรือการทำงานของรถ เช่น สติกเกอร์ตกแต่งลายรถ อุปกรณ์ตกแต่งภายในห้องโดยสาร สปอยเลอร์ สเกิร์ตข้าง และกันชน เป็นต้น

2. อุปกรณ์ตกแต่งรถเพื่อการใช้งาน

อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพื่อปรับเปลี่ยนหรือเสริมประสิทธิภาพการทำงานของรถอย่างระบบก๊าซ LPG/NGV ล้อแม็กซ์และยางรถยนต์ ระบบเบรก โช้คอัพ และแหนบรถยนต์

ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มความสวยงามหรือเพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่ หากไม่ใช่ชิ้นส่วนที่มาจากโรงงานผลิต จะถือว่าเป็นอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ทั้งหมด

ตกแต่งรถยนต์ประกันคุ้มครองหรือไม่

อุปกรณ์เสริมรถยนต์นั้นจะได้รับความคุ้มครองจากประกันภัย ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัท โดยในตอนที่ซื้อประกันรถยนต์ เจ้าของรถจำเป็นต้องแจ้งกับบริษัทประกันภัยให้รับทราบและคุ้มครอง แต่ในกรณีที่แต่งรถหลังซื้อประกันไปแล้ว ก็ควรแจ้งกับบริษัทประกันภัยด้วยเช่นกัน และหากทางบริษัทพิจารณาแล้วว่าไม่ได้เป็นการแต่งรถอย่างผิดกฎหมายแต่อย่างใด ประกันรถยนต์ที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ก็จะไม่ขาด และได้รับความคุ้มครองต่อไป

โดยอุปกรณ์เสริมที่ประกันรถยนต์ส่วนใหญ่ให้ความคุ้มครอง ก็คือ อุปกรณ์ที่ตกแต่งเพื่อความสวยงามและเป็นการติดตั้งอุปกรณ์พื้นฐานทั่วไป เช่น สปอยเลอร์ สเกิร์ต สติ๊กเกอร์ตกแต่งบางจุด (โดยไม่เกิน 30% ของตัวรถยนต์) ล้อแม็กใหม่ เครื่องเสียงใหม่ และถังแก๊สรถยนต์

อย่างไรก็ตาม เจ้าของรถควรคำนึงเอาไว้ว่า ประกันรถยนต์จะไม่ให้ความคุ้มครองต่ออุปกรณ์เสริมตามราคาที่คุณซื้อ เนื่องจากโดยทั่วไป บริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครองไม่เกิน 20,000 บาทต่อครั้งเท่านั้น ซึ่งหากอุปกรณ์เสียหาย เจ้าของรถอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง หรืออีกทางหนึ่งคือ ควรเปรียบเทียบประกันรถยนต์ที่มอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว่า

ประกันแบบไหนคุ้มครองอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ 

ประกันรถยนต์แต่ละประเภทให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกันไป โดยประกันแต่ละชั้น จะครอบคลุมความเสียหายต่ออุปกรณ์แต่งรถต่างกันไป ดังนี้

• ประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองสูงสุด ครอบคลุมทั้งอุปกรณ์ตกแต่งตามทุนประกัน กรณีชนมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี รถหาย ไฟไหม้ ภัยธรรมชาติ และอุบัติเหตุส่วนบุคคล พร้อมทั้งสามารถเลือกซ่อมห้างหรืออู่มาตรฐานได้
• ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะคุ้มครองเฉพาะกรณีชนมีคู่กรณี รถหาย ไฟไหม้ และอุปกรณ์ตกแต่งบางส่วน แต่มีเบี้ยประกันที่ถูกกว่าชั้น 1
• ประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะคุ้มครองเฉพาะกรณีชนมีคู่กรณีและอุปกรณ์ตกแต่งบางส่วน ไม่คุ้มครองรถหายหรือไฟไหม้

อุปกรณ์เสริมที่ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครองมีอะไรบ้าง

นอกจากการเลือกประกันให้เหมาะสมแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือการแต่งรถแบบใดที่ประกันรถยนต์ไม่ครอบคลุม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเมื่อต้องเคลมประกัน มาดูกันว่ามีแบบใดบ้าง

เปลี่ยนสีรถรอบคัน โดยไม่แจ้งกรมขนส่ง 

การเปลี่ยนสีรถจะต้องแจ้งกรมขนส่งภายใน 7 วันหลังดำเนินการ โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนสีเกิน 30% ของพื้นที่ตัวถัง มิฉะนั้นจะมีโทษปรับสูงสุด 20,000 บาท และจะถือว่าหลุดการคุ้มครองจากประกันภัยรถยนต์ทันที โดยบริษัทประกันภัยจะปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทน

ป้ายทะเบียนดัดแปลง

กฎหมายห้ามดัดแปลงป้ายทะเบียนทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ป้ายทะเบียนปลอม การตัดต่อ อัดกรอบให้มีความยาวมากกว่าปกติ หรือติดวัสดุบดบังป้ายทะเบียน ไปจนถึงการติดป้ายในแนวแหงนขึ้นหรือพับลง ล้วนเป็นการดัดแปลงผิดกฎหมาย โดยผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และประกันรถยนต์อาจไม่คุ้มครองในกรณีเกิดอุบัติเหตุ

ท่อไอเสียดังเกิน พ.ร.บ. กำหนด 

ระดับเสียงของท่อไอเสียต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล และต้องปล่อยควันทางท้ายรถเท่านั้น ห้ามดัดแปลงท่อให้เสียงดังผิดปกติ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และประกันไม่ให้ความคุ้มครอง

ไฟส่องสว่างรอบตัวรถยนต์หลากสี 

กฎหมายกำหนดให้ไฟหน้าต้องเป็นสีขาวหรือเหลืองอ่อน ไฟท้ายและไฟเบรกต้องเป็นสีแดง ไฟเลี้ยวต้องเป็นสีอำพัน และห้ามใช้ไฟหลากสี หรือที่เรียกกันว่า “ไฟไอติม” ซึ่งหากพบว่ามีการดัดแปลงในลักษณะดังกล่าว บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธการเคลม

เครื่องยนต์ดัดแปลงที่ทำให้รถแรงกว่าเดิม 

กฎหมายห้ามเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ผิดมาตรฐาน ติดตั้งระบบเทอร์โบหรือไนตรัส เนื่องจากผิด พ.ร.บ. รถยนต์ มาตรา 21 โดยมีโทษปรับสูงสุด 1,000 บาท และที่สำคัญคือประกันรถยนต์จะไม่ให้ความคุ้มครอง

การโหลดต่ำหรือยกสูง 

ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ระยะความสูงของรถต้องอยู่ระหว่าง 40-135 เซนติเมตร โดยวัดจากกึ่งกลางไฟหน้า และต้องได้รับการรับรองจากวิศวกร หากเกินกว่าค่ามาตรฐาน จะถือว่าผิดกฎหมายและประกันภัยจะไม่คุ้มครองอีกด้วย เนื่องจากเป็นการดัดแปลงที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

ขนาดล้อรถใหญ่หรือยื่นออกเกินบังโคลน

ล้อและยางต้องมีขนาดเหมาะสมกับรถ ไม่ยื่นพ้นตัวถัง และต้องมีบังโคลนที่คลุมขอบยางด้านนอก เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนและเพื่อนร่วมทาง หากล้อรถยนต์ยื่นออกมาเกินกว่าตัวถังรถ ประกันภัยจะไม่ให้ความคุ้มครอง และไม่สามารถเคลมค่าเสียหายใดๆ ได้

การเคลมประกันรถและเพิ่มวงเงินในการเคลม

หากคุณวางแผนจะแต่งรถเพิ่มเติม การเพิ่มวงเงินคุ้มครองในกรมธรรม์ก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา เพื่อให้สามารถเคลมประกันรถในวงเงินที่สูงขึ้นได้ เพื่อให้ครอบคลุมอุปกรณ์ตกแต่งอย่างครบถ้วน โดยเจ้าของรถสามารถแจ้งกับบริษัทประกัน ตามขั้นตอนดังนี้

1. เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง

• ใบเสร็จอุปกรณ์ตกแต่งทั้งหมด
• รูปถ่ายรถก่อนและหลังติดตั้ง
• เอกสารรับรองการติดตั้ง
• ใบรับรองมาตรฐานอุปกรณ์

2. แจ้งบริษัทประกันภัย

• แจ้งรายละเอียดการแต่งรถ
• ส่งเอกสารประกอบทั้งหมด
• รอการประเมินเบี้ยประกันเพิ่มเติม

3. การชำระเบี้ยเพิ่ม

• ตรวจสอบวงเงินคุ้มครองใหม่
• ชำระค่าเบี้ยประกันส่วนเพิ่ม
• รับกรมธรรม์ฉบับใหม่

สำหรับคนรักการแต่งรถ เราขอแนะนำให้เลือกทำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 เพราะให้ความคุ้มครองครอบคลุมที่สุด และต้องไม่ลืมที่จะเปรียบเทียบประกันรถยนต์จากหลายๆ บริษัท เพื่อเลือกแผนที่เหมาะสมที่สุด

แม้การแต่งรถจะเป็นความชอบส่วนบุคคล แต่การเลือกแต่งรถอย่างถูกกฎหมายและได้รับความคุ้มครองจากประกันภัยเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณมั่นใจในการขับขี่แล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วย ก่อนตัดสินใจแต่งรถ ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และเลือกร้านที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้รถของคุณสวยงาม ปลอดภัย และได้รับความคุ้มครองอย่างครบถ้วน

ส่วนใครที่กำลังตัดสินใจซื้อประกันภัยรถยนต์ Pocket ยินดีให้คำปรึกษาและแนะนำแผนประกันที่เหมาะสม เพื่อให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปอย่างอุ่นใจ สามารถดูแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ และเช็คเบี้ยได้ง่ายๆ ที่ www.pocketbylmg.com/ หรือโทร. 02-302-7788 เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับแผนประกันที่ตอบโจทย์ในราคาที่คุ้มค่า