สำหรับใครที่รู้ตัวว่าใบขับขี่ใกล้ถึงวันหมดอายุ แต่อาจไม่ค่อยมีเวลาว่าง ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกนั้นได้อำนวยความสะดวกด้วยช่องทางการอบรมใบขับขี่รถยนต์ออนไลน์ ซึ่งเข้าถึงได้สะดวก มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มากขึ้น
Pocket ได้รวบรวมขั้นตอนอบรมใบขับขี่ออนไลน์มาสรุปไว้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการ เพื่อให้คุณสามารถต่ออายุใบขับขี่ได้อย่างราบรื่น

ใครบ้างที่อบรมใบขับขี่รถยนต์ออนไลน์ได้และไม่ได้
อันดับแรก ให้คุณลองสำรวจคุณสมบัติของตัวเองเสียก่อนว่า อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่สามารถอบรมออนไลน์กับกรมการขนส่งได้หรือไม่ โดยกลุ่มคนที่สามารถอบรมออนไลน์ได้ มีดังนี้
- ผู้ที่ต้องการต่อใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลจาก 5 ปี เป็น 5 ปี
- ผู้ที่ขาดต่ออายุใบขับขี่รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ และรถยนต์เกิน 1 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่ต้องต่อใบขับขี่รถขนส่งและรถสาธารณะ ประเภทใบขับขี่ บ.1-บ.4 และ ท.1-ท.4
ส่วนผู้ที่ถือใบขับขี่ชนิดชั่วคราว (2 ปี) ไม่จำเป็นต้องอบรม สามารถดำเนินการต่อใบขับขี่ได้ทันที หรือก่อนหมดอายุ 90 วัน ทั้งนี้ในกรณีที่ใบขับขี่ชนิดชั่วคราวหมดอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป จำเป็นต้องอบรมใหม่ที่สำนักงานกรมขนส่งเท่านั้น นอกจากนี้ ในการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ ต้องคำนึงเอาไว้ว่าจะมีระยะเวลาในการอบรมอยู่ที่ 90 วัน และผลการอบรมจะมีอายุ 6 เดือน นับจากวันที่ผ่านการอบรม
รู้จัก DLT e-Learning ในการอบรมใบขับขี่รถยนต์ออนไลน์
DLT e-Learning คือ ระบบบริการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์จากกรมขนส่งทางบก โดยผู้ที่ต้องการอบรมออนไลน์เพื่อนำผลไปยื่นต่อใบขับขี่ สามารถลงทะเบียนและเริ่มอบรมได้ด้วยตัวเองที่ www.dlt-elearning.com พอรู้แบบนี้แล้ว มาดูขั้นตอนอบรมใบขับขี่ออนไลน์กันได้เลย
ขั้นตอนอบรมใบขับขี่ออนไลน์
1. ลงทะเบียนในระบบ DLT e-Learning
อันดับแรก เข้าสู่เว็บไซต์ www.dlt-elearning.com และกด “ลงทะเบียนใหม่” (สำหรับผู้สมัครครั้งแรก) โดยข้อมูลที่ต้องกรอกเพื่อลงทะเบียนได้แก่
- เลขบัตรประชาชน
- เบอร์โทรศัพท์
- อีเมล
- วันเดือนปีเกิด
หากกรอกรายละเอียดครบแล้วกดที่ “ดำเนินการต่อ” แล้วระบบจะให้ใส่เลขบัตรประชาชน วัน เดือน ปีเกิด เพื่อเข้าสู่ระบบอีกครั้ง ส่วนใครที่เคยลงทะเบียนเอาไว้แล้วให้กดที่ “เข้าสู่ระบบ” ในเมนูหน้าแรกได้เลย
2. เลือกประเภทการอบรมต่อใบขับขี่
ต่อมา ระบบจะให้เลือกประเภทการอบรม ซึ่งควรเลือกตามประเภทรถยนต์ที่ต้องการต่ออายุใบขับขี่ โดยมีทั้งหมด 4 ตัวเลือก ดังนี้
- อบรมต่ออายุใบอนุญาต รถส่วนบุคคล/รถขนส่ง/รถสาธารณะ
- อบรมขอรับใบอนุญาตขับรถสาธารณะ/บัตรประจำตัวคนขับรถ
- หลักสูตรความปลอดภัยในการขนส่ง (สำหรับพนักงานขับรถขนส่ง)
- หลักสูตรคาดการณ์อุบัติเหตุ
สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ทั่วไป สามารถเลือก “อบรมต่ออายุใบอนุญาต รถส่วนบุคคล/รถขนส่ง/รถสาธารณะ” ซึ่งจะใช้เวลาในการอบรมออนไลน์ 1 ชั่วโมง แต่หากเป็นกรณีขาดต่ออายุเกิน 1 ปีขึ้นไป ต้องอบรมเป็นเวลา 2 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ใบขับขี่ประเภทอื่นๆ ยังมีกฎเกณฑ์การอบรม ดังนี้
- กรณีต่ออายุใบอนุญาตขับรถขนส่ง (ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถส่วนบุคคลชนิดที่ 1-4, ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถทุกประเภทชนิดที่ 1-4) อบรมต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ 2 ชั่วโมง
- กรณีต่ออายุใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถยนต์สาธารณะ) อบรมออนไลน์ต่อใบขับขี่ 3 ชั่วโมง
3. เข้ารับการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์
หลักเลือกประเภทการอบรมแล้ว ให้กดปุ่ม “ดำเนินการต่อเพื่อดูวิดีโออบรม” จากนั้น หน้าใหม่จะแสดงหลักสูตรทั้งหมดที่สมัครเอาไว้ ถ้าพร้อมอบรม ให้กดที่ปุ่ม “ดำเนินการต่อ” และเข้ารับการอบรมได้ทันที โดยข้อสำคัญ คือ ไม่สามารถกดข้ามหรือย่อหน้าต่างได้ หากรับชมวิดีโอไม่จบ แต่กดปิดออกจากระบบหรือออกจากเว็บไซต์ ก็จะต้องเริ่มรับชมวิดีโอใหม่ตั้งแต่ต้น นอกจากนี้ หลังจบวิดีโอ จะมีคำถามให้ตอบ ซึ่งผู้อบรมจะต้องตอบคำถามให้ถูกต้องเพื่อผ่านการรับรองการอบรม
สุดท้ายนี้ระยะเวลาในการอบรมจะอยู่ที่ 90 วัน หรือก็คือ ไม่จำเป็นต้องอบรมทันที แต่ต้องอบรมให้เสร็จภายใน 90 วันนั่นเอง
หลังอบรมจบ ระบบจะแจ้งเตือนว่า ผ่านการอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถขึ้นมา ให้ทำการบันทึกหน้าจอผลการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการต่ออายุใบขับขี่ โดยสามารถจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น DLT Smart Queue หรือเว็บไซต์ gecc.dlt.go.th/dltsmartqueue/dlt-Smartqueue จากนั้นทำตามขั้นตอนการจองคิว และเตรียมเอกสารที่จำเป็น ได้แก่ ใบขับขี่ปัจจุบัน บัตรประชาชนตัวจริง หลักฐานการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ และใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 1 เดือน นอกจากนี้ ควรเตรียมค่าธรรมเนียมในการต่อรถยนต์จำนวน 505 บาท ส่วนรถจักรยานยนต์จะมีค่าธรรมเนียม 225 บาท
จะเห็นได้ว่า การอบรมใบขับขี่รถยนต์ออนไลน์นั้นมีขั้นตอนไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด ซึ่งช่วยให้สามารถขับขี่รถยนต์ได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น และเมื่อผ่านการอบรมออนไลน์และใบขับขี่ใหม่ได้แล้ว อย่าลืมดูแลความคุ้มครองให้ตัวคุณและรถด้วยการซื้อประกันรถยนต์ที่ใช่ เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เพื่อความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด อุ่นใจในทุกสถานการณ์
หากสนใจทำประกันรถยนต์ Pocket ยินดีให้คำปรึกษาและแนะนำแผนประกันที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันชั้น 2+ หรือ 3+ โดยสามารถดูแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ และเช็คเบี้ยได้ง่ายๆ ที่ www.pocketbylmg.com/ หรือ โทร. 02-302-7788 เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับแผนประกันที่ตอบโจทย์ในราคาที่คุ้มค่า