หากพูดถึงความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองสูงสุดและครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งนอกจากจะคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์แล้ว ยังคุ้มครองครอบคลุมไปถึงชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นด้วย แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า ประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง และทำไมจึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเจ้าของรถป้ายแดง ถ้ามีคำถามเหล่านี้ มาทำความเข้าใจกันอย่างละเอียดเกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้น 1 กันเลย

ประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง?
ประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมในหลายด้าน ทำให้ขับรถได้อย่างมั่นใจและอุ่นใจในทุกๆ การเดินทาง ไม่ว่าจะใช้รถใช้ถนนในเมือง หรือขับออกต่างจังหวัด แม้ประกันรถยนต์จากผู้ให้บริการแต่ละรายจะมีรายละเอียดต่างกัน แต่โดยทั่วไปประกันชั้น 1 จะมอบความคุ้มครอง ดังนี้
1. ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์
ประกันชั้น 1 จะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถยนต์ รวมถึงอุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง และสิ่งที่ติดอยู่กับตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นการชนกับเสาไฟฟ้า ฟุตบาท รั้วบ้าน หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ ประกันชั้น 1 ก็ให้ความคุ้มครองเช่นกัน แต่อาจต้องเสียค่า Excess เพิ่มเติม (ส่วนมากอยู่ที่จุดละ 1,000 บาท) ซึ่งเป็นส่วนที่ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบเองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุโดยไม่มีคู่กรณี
ประกันรถยนต์ชั้น 1 ยังมอบความคุ้มครองหากรถยนต์สูญหาย ไม่ว่าจะเป็นเพราะการชิงทรัพย์ ลักทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์ ซึ่งหากรถยนต์สูญหายทั้งคัน บริษัทประกันอาจจ่ายค่าสินไหมทดแทนสูงสุดถึง 80% ของราคารถยนต์ในตลาด ณ เวลานั้น
นอกจากนี้ยังมอบความคุ้มครองกรณีรถยนต์ไฟไหม้ ไม่ว่าจะเป็นการไหม้ด้วยตัวรถเองหรือไหม้จากสาเหตุอื่น เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร หรือถูกวางเพลิง โดยจะได้รับความคุ้มครองตามทุนประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ทั้งยังมีความคุ้มครองครอบคลุมถึงความเสียหายจากธรรมชาติอย่างเช่น ภัยน้ำท่วม ภัยลมพายุ ภัยแผ่นดินไหว และภัยจากลูกเห็บ โดยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อรถยนต์หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของรถยนต์ได้รับความเสียหายจากภัยเหล่านี้ ตามวงเงินทุนประกัน
2. ความคุ้มครองต่อชีวิตและทรัพย์สินบุคคลภายนอก
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ทางบริษัทประกันภัยก็จะมอบความคุ้มครองเช่นกัน โดยความคุ้มครองกรณีบุคคลภายนอกบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ครอบคลุมทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยการสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต
อีกทั้งยังมอบความคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เช่น รถยนต์คู่กรณี บ้านเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ โดยบริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าซ่อมแซมหรือเปลี่ยนทรัพย์สินที่เสียหายให้กลับสู่สภาพเดิม
3. ความคุ้มครองเพิ่มเติม
นอกจากความคุ้มครองเบื้องต้น การซื้อประกันรถยนต์ยังมาพร้อมข้อดี คือ ความคุ้มครองเพิ่มเติมแนบท้าย ได้แก่
- ค่ารักษาพยาบาล - ชดใช้ค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการทางการแพทย์ ค่าผ่าตัด และค่าบริการอื่นๆ ตามที่จ่ายจริง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถยนต์คันที่ทำประกัน ซึ่งจะเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากความคุ้มครองของ พ.ร.บ.
- การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล - ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อความสูญเสียจากความบาดเจ็บ สูญเสียอวัยวะ พิการ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยมีวงเงินตามที่ระบุในกรมธรรม์ ซึ่งเป็นความคุ้มครองที่นอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาล
- การประกันตัวผู้ขับขี่ - คุ้มครองการประกันตัวผู้ขับขี่กรณีถูกควบคุมตัวในคดีอาญาที่มีสาเหตุจากการใช้รถยนต์และเกิดอุบัติเหตุ เช่น คดีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยบริษัทประกันจะจัดหาเงินประกันตัวตามวงเงินที่ระบุในกรมธรรม์
อย่างไรก็ตาม ความคุ้มครองเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับข้อเสนอของบริษัทประกันภัยแต่ละแห่ง ดังนั้นจึงควรศึกษาและเปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้ดีก่อนตัดสินใจ
ประกันชั้น 1 เคลมอะไรได้บ้าง?
นอกจากความคุ้มครองข้างต้น ผู้เอาประกันภัยหรือเจ้าของรถยังสามารถเคลมประกันชั้น 1 ในกรณีต่างๆ ดังนี้
-
การเคลมกรณีรถชน
เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน ผู้เอาประกันภัยสามารถแจ้งเคลมได้ทันที โดยบริษัทประกันจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ณ ที่เกิดเหตุ หรือสามารถถ่ายรูปความเสียหาย และนำรถเข้าซ่อมที่อู่หรือศูนย์บริการที่เป็นคู่สัญญากับบริษัทประกัน โดยไม่ต้องสำรองจ่ายค่าซ่อม (ในกรณีที่ความเสียหายอยู่ในวงเงินคุ้มครอง)
-
การเคลมกรณีรถถูกโจรกรรม
หากรถถูกโจรกรรม ผู้เอาประกันจำเป็นต้องแจ้งความที่สถานีตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุ จากนั้นแจ้งบริษัทประกันเพื่อดำเนินการเคลม โดยบริษัทประกันจะตรวจสอบและจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ ซึ่งอาจรอระยะเวลาหนึ่งเพื่อติดตามรถยนต์ที่หายไป
-
การเคลมกรณีไฟไหม้หรือภัยธรรมชาติ
กรณีรถได้รับความเสียหายจากไฟไหม้หรือภัยธรรมชาติ สามารถแจ้งเคลมกับบริษัทประกันได้เช่นกัน โดยถ่ายรูปความเสียหายและแจ้งรายละเอียดให้บริษัทประกันทราบ จากนั้นบริษัทจะประเมินความเสียหายและอนุมัติการซ่อมหรือจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามความเหมาะสม
ประกันชั้น 1 ไม่คุ้มครองอะไรบ้าง?
แม้ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม แต่ก็มีข้อยกเว้นบางกรณีที่บริษัทอาจปฏิเสธการเคลมประกันภัยที่ควรรู้ ดังนี้
1. การขับขี่ในสภาวะที่ผิดกฎหมาย
- การขับขี่ขณะมึนเมา - หากผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่าผิดกฎหมายและประกันจะไม่คุ้มครอง ซึ่งเป็นข้อยกเว้นสำคัญที่ทุกคนควรตระหนัก
- การใช้รถในทางที่ผิดกฎหมาย - เช่น ขนยาเสพติด ขนแรงงานเถื่อน หรือขับย้อนศร ซึ่งเป็นการใช้รถผิดวัตถุประสงค์ของการทำประกัน
- การขับขี่โดยไม่มีใบขับขี่หรือใบขับขี่หมดอายุเกิน 3 เดือน - ถือเป็นการขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาตตามกฎหมาย ประกันอาจไม่คุ้มครองผู้ขับขี่ แต่ยังคงคุ้มครองบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหาย
2. การใช้รถยนต์ผิดประเภทหรือผิดวัตถุประสงค์
- การบรรทุกน้ำหนักเกินหรือการลากจูงที่ผิดกฎหมาย - ทำให้รถเสียหายจากการใช้งานผิดประเภท เกินขีดความสามารถของรถยนต์
- การนำรถไปใช้ผิดประเภท - เช่น ระบุเป็นรถส่วนบุคคลแต่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ เช่น รับจ้างขนส่ง หรือใช้เป็นรถแท็กซี่ ซึ่งต้องทำประกันประเภทรถรับจ้างโดยเฉพาะ
- การดัดแปลงสภาพรถโดยไม่แจ้งบริษัทประกัน - การแต่งเติมหรือดัดแปลงสภาพรถทั้งด้านความสวยงามและประสิทธิภาพ ต้องแจ้งบริษัทประกันทุกครั้ง รวมถึงการติดตั้งแก๊ส NGV หรือ LPG
3. การกระทำโดยเจตนาหรือประมาทอย่างร้ายแรง
- การขับขี่โดยตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุ - เช่น การตั้งใจขับชนหรือทำให้เกิดความเสียหาย เพื่อหวังผลประโยชน์จากการเคลมประกัน
- การนำรถไปแข่งความเร็วบนท้องถนน - ถือเป็นการเสี่ยงภัยโดยเจตนา และเป็นการใช้รถผิดวัตถุประสงค์
4. ข้อจำกัดด้านพื้นที่และสภาวะพิเศษ
- การใช้รถนอกเขตคุ้มครอง - ประกันคุ้มครองเฉพาะการใช้งานในประเทศไทยเท่านั้น หากขับรถไปต่างประเทศแล้วเกิดอุบัติเหตุ ประกันจะไม่รับผิดชอบ
- ความเสียหายจากสภาวะสงครามหรือการก่อการร้าย- บางกรมธรรม์อาจไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากสภาวะสงคราม การจลาจล หรือการก่อการร้าย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน
ประกันชั้น 1 กับ 2+ คุ้มครองต่างกันอย่างไร?
หลายคนอาจจะมองว่าประกันชั้น 1 มีราคาสูงเกินงบประมาณ จึงเลือกประกันชั้น 2+ เพราะเข้าใจว่าให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จะพบว่ามีความแตกต่างที่สำคัญหลายประการ
ประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่า โดยคุ้มครองทั้งกรณีรถชนรถและการชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ชนเสาไฟฟ้า ต้นไม้ หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ อีกทั้งยังคุ้มครองกรณีรถสูญหาย ไฟไหม้ และภัยธรรมชาติอย่างครบถ้วน ส่งผลให้มีค่าเบี้ยประกันที่สูงกว่า
ในขณะที่ประกันชั้น 2+ จะคุ้มครองเฉพาะกรณีรถชนรถ ให้ความคุ้มครองรถยนต์ไฟไหม้หรือสูญหาย และภัยธรรมชาติเช่นเดียวกัน แต่ข้อสังเกตสำคัญคือไม่คุ้มครองการชนแบบไม่มีคู่กรณี แต่ด้วยความคุ้มครองที่น้อยกว่า ทำให้ประกันชั้น 2+ มีเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าประกันชั้น 1 ราว 20 - 30% ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นรถ
นอกจากนี้ยังมีประกันชั้น 3+ ที่มอบความคุ้มครองที่จำกัดกว่าทั้งสองประเภทข้างต้น โดยคุ้มครองเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุชนกับยานพาหนะทางบกและภัยธรรมชาติเท่านั้น ไม่คุ้มครองการชนแบบไม่มีคู่กรณี รถถูกโจรกรรม หรือไฟไหม้ ซึ่งเป็นข้อแตกต่างที่สำคัญจากประกันชั้น 1 และ 2+ แต่ด้วยความคุ้มครองที่น้อยกว่า ทำให้ประกันชั้น 3+ มีค่าเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าด้วยนั่นเอง
ตารางเปรียบเทียบประกันรถยนต์ | |||
รายละเอียดความคุ้มครอง | ประกันรถยนต์ชั้น 1 | ประกันรถยนต์ชั้น 2+ | ประกันรถยนต์ชั้น 3+ |
ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก | |||
- ชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย | ✓ | ✓ | ✓ |
- ทรัพย์สิน | ✓ | ✓ | ✓ |
ความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย | |||
- อุบัติเหตุส่วนบุคคล | ✓ | ✓ | ✓ |
- ค่ารักษาพยาบาล | ✓ | ✓ | ✓ |
- ประกันตัวผู้ขับขี่ | ✓ | ✓ | ✓ |
ความเสียหายต่อรถยนต์ | |||
- รถยนต์สูญหาย/ไฟไหม้ | ✓ | ✓ | - |
- การชนกับยานพาหนะทางบก | ✓ | ✓ | ✓ |
- น้ำท่วม | ✓ | - | - |
ประกันรถยนต์ชั้น 1 ถือเป็นทางเลือกที่ให้ความคุ้มครองครบถ้วนและครอบคลุมที่สุดในบรรดาประกันรถยนต์ทั้งหมด ด้วยการคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งตัวรถ ผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอก ไม่ว่าจะเป็นกรณีชนมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี รถสูญหาย ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติ แม้จะมีเบี้ยประกันที่สูงกว่าประกันชั้น 2+ และ 3+ แต่ความอุ่นใจที่ได้รับคุ้มค่ากับการลงทุน โดยเฉพาะสำหรับรถใหม่ป้ายแดง หรือผู้ที่ขับขี่เป็นประจำทุกวัน อย่างไรก็ตาม ผู้เอาประกันควรศึกษาเงื่อนไขและข้อยกเว้นให้ดี เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบและได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่ เพราะแม้จะทำประกันชั้น 1 แต่หากใช้รถในทางที่ผิดกฎหมายหรือผิดเงื่อนไข ก็อาจถูกปฏิเสธการเคลมได้ ดังนั้น การทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจเลือกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
หากสนใจทำประกันรถยนต์ Pocket ยินดีให้คำปรึกษาและแนะนำแผนประกันที่เหมาะสม โดยสามารถดูแผนประกันรถยนต์ออนไลน์ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ และเช็คเบี้ยได้ง่ายๆ ที่ www.pocketbylmg.com/ หรือ โทร. 02-302-7788 เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับแผนประกันที่ตอบโจทย์ในราคาที่คุ้มค่า ช่วยให้คุณอุ่นใจในทุกเส้นทาง